ผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า หรือ รถยนต์ EV หลาย ๆ คน ต่างก็รู้ดีว่าการเลือก เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (EV Charger) นั้น มีความสำคัญเป็นอย่างมากในการใช้งานรถแต่ละวัน เพราะการใช้เครื่องชาร์จรถ EV แต่ละแบบ ก็จะมีจุดเด่นที่ต่างกันออกไป โดยเฉพาะกำลังไฟที่ต้องมีความเหมาะสมต่อรถที่ใช้ ซึ่งทาง Plug Haus Thailand ก็ไม่พลาด ที่จะมารีวิวพร้อมแนะนำ 10 อันดับ เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่บ้าน ให้กับผู้ใช้งานกัน ว่ามีรุ่นไหนน่าใช้บ้าง แล้วแต่ละรุ่นมีราคาเท่าไหร่ อัปเดตล่าสุดปี 2024!
10 เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่บ้าน ที่น่าใช้ อัปเดตล่าสุด!
สำหรับ 10 เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่บ้าน ที่ได้รับความนิยมในการติดตั้งจะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ คือ การชาร์จแบบธรรมดาที่ต่อจากเต้ารับภายในบ้านโดยตรง ซึ่งการชาร์จในรูปแบบนี้รองรับกระแสไฟฟ้าขั้นต่ำคือ 15(45)A ใช้เวลาชาร์จค่อนข้างนาน เฉลี่ย 12 – 15 ชั่วโมง และอีกแบบคือ Double Speed Charge หรือเครื่องชาร์จแบบ Wall Box ซึ่งเป็นการชาร์จด้วยกระแสไฟฟ้ากระแสสลับ (AC Charging) รองรับไฟฟ้าขั้นต่ำที่ 30(100)A ใช้เวลาชาร์จประมาณ 4 – 7 ชั่วโมง มีหัวชาร์จ Type 1 และ 2
1. เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า Wallbox รุ่น Pulsar Max
เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า Wallbox รุ่น Pulsar Max นับว่าเป็นรุ่นที่มีขนาดกะทัดรัดที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะผู้ที่เลือกติดตั้งเครื่องชาร์จกับทาง PlugHaus เพราะนอกจากจะเป็นรุ่นที่มีการดีไซน์ที่เรียบง่าย ดูมินิมอล เข้ากับบ้านสมัยใหม่แล้ว ยังเป็นเครื่องชาร์จที่ใช้ได้กับรถยนต์ EV ทุกรุ่น ที่รองรับหัวชาร์จ Type 2 มีมาตรฐานการป้องกันฝน แดด และฝุ่นละออง IP55
- มีขนาด 7.4 – 22 kW
- รองรับทั้งการใช้ไฟ 1 เฟส และ 3 เฟส
- สายชาร์จยาว 5 และ 7 เมตร
- มีระบบการควบคุมแรงดันไฟฟ้า
- ตัดไฟอัตโนมัติเมื่อชาร์จเต็มแล้ว
- ใช้งานได้ทั้งแบบ Indoor และ Outdoor
- กันกระแทกได้ระดับ IK10
- ควบคุมการใช้งานได้ผ่านทาง Application Wallbox
2. ABB Terra AC Wallbox
อีกหนึ่งเครื่องชาร์จรถยนต์ EV นั้น เป็นการชาร์จด้วย AC Charging หรือไฟฟ้ากระแสสลับ ซึ่งเหมาะกับการติดตั้งเพื่อใช้ภายในครัวเรือนเป็นหลัก จุดเด่นของรุ่นนี้ก็คือ การควบคุมการใช้งานผ่านทางแอป ChargerSync App ทำให้กำหนดหรือตั้งเวลาการชาร์จได้ตามที่ต้องการ รวมถึงการปรับเพิ่มและลดกระแสไฟฟ้าที่ต้องการใช้ ที่สำคัญคือ สามารถเช็กค่าไฟได้ง่าย ๆ ผ่านทางแอปฯ โดยตรง
- มี 2 ขนาด คือ 7.4 kW และ 22 kW
- ใช้ไฟฟ้า 1 เฟส และ 3 เฟส
- รองรับหัวชาร์จ Type 1 และ Type 2
- กันน้ำในระดับ IP54
- มีการ์ด ABB สำหรับแตะชาร์จที่ตู้ได้
- ความยาวสายชาร์จ 5 เมตร
- ชาร์จไฟเต็ม 100% ได้ภายในเวลา 2 ชั่วโมง (ขึ้นอยู่กับรุ่นรถ)
- รองรับเชื่อมต่อ Bluetooth, Wi-Fi และ 4G
3. Wallbox รุ่น Pulsar Plus
โดยเครื่องชาร์จจากทาง Wallbox รุ่น Pulsar Plus เป็นรุ่นที่มีกำลังไฟอยู่ที่ 7.4 kW รองรับการใช้งานผ่านทาง Application เหมือนกันกับรุ่น Pulsar Max ต่างกันที่มีกำลังไฟให้เลือกเพียงขนาดเดียว และมีมาตรฐานการป้องกันฝน แดด และฝุ่นละออง IP54 โดยที่หัวชาร์จก็ยังคงรองรับได้ทั้ง Type 1 และ Type 2
- กระแสไฟตั้งแต่ 6 A ถึง Rated Current
- สายชาร์จยาว 5 เมตร
- น้ำหนักของเครื่องชาร์จคือ 1.9 กิโลกรัม (ไม่รวมสาย)
- รองรับการเชื่อมต่อทั้ง Wi-Fi และ Bluetooth
- มี RGB LED เพื่อบอกสถานะในการใช้งาน
- ใช้ระบบไฟฟ้า 1 เฟส
4. Autel รุ่น MaxiCharger AC Wallbox
เครื่องชาร์จรถไฟฟ้า แบรนด์ Autel รุ่น MaxiCharger AC Wallbox นับว่าเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่ผู้ใช้งานหลาย ๆ คนเลือกใช้ และมีการวางจำหน่ายกว่า 70 ประเทศทั่วโลก มีมาตรฐาน CE พร้อมกับรางวัลการันตีคุณภาพกว่า 100 รางวัล หนึ่งในนั้นคือ REDDOT และ iF Design Award 2022 เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งเครื่องชาร์จรถยนต์ EV ที่ถูกพูดถึงอีกหนึ่งรุ่นในตอนนี้ โดยเฉพาะการนำ AI ให้เข้ามาใช้ดูแลเรื่องอายุแบตเตอรี่ของรถยนต์
- มีระบบ AUTEL Charge Cloud สามารถตรวจสอบ และแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ได้
- รองรับการเชื่อมต่อที่หลากหลาย ทั้ง Wi-Fi, Bluetooth, Internet และ 4G
- มีแอปพลิเคชันชาร์จรถไฟฟ้า AUTEL Charge ที่รองรับทั้ง iOS และ Android
- สามารถใช้งานได้ทั้งการใช้ RFID Card และ QR Code เพิ่มความสะดวกสบายมากขึ้น
- ควบคุมการชาร์จได้แบบ Real Time เช่น การตั้งเวลาการชาร์จล่วงหน้า
- สามารถเก็บสถิติการชาร์จและการคำนวณค่าไฟได้
- มีการแจ้งเตือนเมื่อการชาร์จเสร็จสิ้น
- มาตรฐานกันน้ำและฝุ่น IP66
- สายชาร์จมีความยาว 5 เมตร และใช้หัวชาร์จ Type 2
- จ่ายไฟได้สูงสุด 32A ด้วยกำลังไฟ 22 kW
- มีระบบการชาร์จที่ปลอดภัยด้วย Triple Protection Technology
5. Delta AC Max
สำหรับเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่บ้าน Delta รุ่น AC Max เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่มาแรงและถูกใจคนใช้รถ EV หลาย ๆ คน โดยเฉพาะขนาดของเครื่องที่มีความกะทัดรัด แต่สามารถให้กำลังไฟที่สูงถึง 22 kW รองรับหัวชาร์จประเภทต่าง ๆ ได้อย่างหลากหลาย ซึ่งจุดเด่นของรุ่นนี้ก็คือ เป็นรุ่นที่เหมาะสำหรับการติดตั้งภายนอกอาคาร รวมถึงบ้านที่มีพื้นที่จำกัดมาก ๆ เพราะมีมาตรฐานกันน้ำฝุ่น IP55 / IK08 ที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจต่อผู้ใช้งานได้ดี
- มีขนาดกำลังไฟสูงสุด 22 kW ที่กระแสไฟฟ้า 32A
- สามารถใช้งานได้ทั้งระบบไฟฟ้า 1 เฟส และ 3 เฟส
- ได้รับมาตรฐาน ISO 15118
- มีมาตรฐาน Open Charge Point Protocol (OCPP)
- มี 2 รุ่นย่อยให้เลือก คือ Basic และ Smart
- สายไฟยาว 5 เมตร
- ใช้หัวชาร์จแบบ Type 2
- รองรับการเชื่อมต่อทั้ง Ethernet, Bluetooth, WLAN หรือ Cellular
6. Wallbox รุ่น Pulsar Pro
อีกหนึ่งรุ่นยอดฮิตของ Home Charger ของค่าย Wallbox ก็คือรุ่น Pulsar Pro ที่มาพร้อมกับดีไซน์ที่มินิมอล ไซซ์กะทัดรัด มีให้เลือก 2 ขนาด คือ 7.4 kW และ 22 kW สามารถใช้ไฟได้ทั้งแบบ 1 เฟส และ 3 เฟส รองรับการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าทุกยี่ห้อที่รองรับหัวชาร์จ Type 2 ส่วนตัวเครื่องจะมีระบบการควบคุมแรงดันไฟฟ้าในตัว พร้อมตัดไฟให้อัตโนมัติเมื่อชาร์จเสร็จ หรือว่ามีเหตุขัดข้องเกิดขึ้น ไม่ต้องกังวลในกรณีที่ชาร์จไฟทิ้งไว้
- หัวชาร์จ 1 Plug / Type 2
- สายชาร์จยาว 5 เมตร และ 7 เมตร
- มีระบบ RFID/NFC สำหรับการใช้งานผ่านบัตร
- ควบคุมการใช้งานได้ผ่านทางแอปพลิเคชัน myWallbox
- รองรับ 4G Sim Included
- ป้องกันฝน แดด และฝุ่นละออง ระดับ IP55
- กันกระแทกได้ในระดับ IK10
- มาพร้อมกับอุปกรณ์กันไฟดูด RCD Type A / Plastic CB Box
7. Delta MINI Plus
สำหรับเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า EV Charger ที่บ้าน Delta รุ่น AC Mini Plus เป็นรุ่นที่ตอบโจทย์รถยนต์ EV ไซซ์มินิ ด้วยกำลังไฟฟ้า 7.4 kW รองรับหัวชาร์จทั้งแบบ Type 1 และ Type 2 ซึ่งเป็นเครื่องชาร์จที่ถูกออกแบบมาให้เหมาะต่อการใช้งานในทุก ๆ สภาพแวดล้อม ทั้งในที่ร่มและที่กลางแจ้ง จึงทำให้เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่ได้รับความนิยมในการติดตั้งเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่บ้าน รวมถึงการทำ Home Office
- มีระบบกันไฟรั่ว IP55 และ IK08
- ใช้ได้กับรถยนต์ปลั๊กอิน และรุ่น IEC T2
- สามารถปรับกระแสไฟฟ้าได้ตามพื้นที่ที่ติดตั้งเครื่องชาร์จรถ EV
- รองรับการเชื่อมต่อ 2 แบบ คือ Wi-Fi และ 3G.
- มีเทคโนโลยี RFID สำหรับการสื่อสารแบบไร้สาย
8. EVLINK WallBox SCHNEIDER
เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่บ้าน EVLINK WallBox SCHNEIDER รุ่นยอดฮิตส่งตรงจากฝรั่งเศส โดยเป็นรุ่นที่เหมาะสำหรับบ้านที่ใช้ระบบไฟฟ้า 1 เฟส เพราะเป็นขนาดที่พอเหมาะกับการชาร์จไฟรถยนต์ EV ทั่ว ๆ ไป ซึ่งตัวเครื่องมีกำลังไฟฟ้า 7.4 kW ใช้หัวชาร์จ Type 2 จุดเด่นของรุ่นนี้จะเน้นไปที่การใช้งานแบบง่าย ๆ ระบบไม่ซับซ้อน ตอบโจทย์บ้านที่กำลังหาเครื่องชาร์จดีดีในราคาย่อมเยา และเพียงพอต่อการชาร์จในเวลา Off-Peak
- เหมาะสำหรับรถ BEV และ PHEV ทุกรุ่น
- มีระบบล็อกด้วยกุญแจ ช่วยป้องกันการถูกโจรกรรมได้
- สามารถติดตั้งได้ทั้งภายในและภายนอก ด้วยมาตรฐาน IP54
- น้ำหนักตัวเครื่อง 5 กิโลกรัม
- ความยาวสาย 5 เมตร
- ตัวเครื่องรับประกัน 2 ปี โดย Schneider Thailand
9. Siemens VersiCharge Gen 3
หากใครที่กำลังมองหาเครื่องชาร์จรถไฟฟ้าที่มีมาตรฐานจากแบรนด์ชั้นนำ Seimens ก็นับว่ารุ่น VersiCharge Gen 3 มีความน่าสนใจ เพราะรองรับการติดตั้งทั้งแบบ Wall และ Pole ขึ้นอยู่กับความชอบหรือความต้องการของผู้ใช้งาน สามารถรองรับการชาร์จไฟกับรถ EV ทุกรุ่นทุกแบรนด์ เพราะใช้หัวชาร์จ Type 2 ส่วนวัสดุของตัวเครื่องใช้ Polycarbonate ที่มีคุณสมบัติเด่นคือ ไม่ลามไฟ
- มี 2 ขนาด คือ 7.4 kW และขนาด 22 kW
- สายชาร์จยาว 7 เมตร
- มาพร้อมกับฟังก์ชัน RFID Authentication ช่วยระบุผู้ใช้งานได้
- รองรับการใช้งานผ่านทางแอปพลิเคชัน VersiCharge
- ควบคุมการทำงานได้ เช่น การตั้งเวลา หรือการติดตามสถานะต่าง ๆ
- มีมาตรฐานการกันน้ำและฝุ่นที่ระดับ IP56
- น้ำหนักเครื่องอยู่ที่ 6.96 กิโลกรัม
10. BESEN EV Charger
ปิดท้ายกันดัวยเครื่องชาร์จรถไฟฟ้าติดผนังอย่าง BESEN EV Charger ที่มีกำลังไฟให้เลือก 2 ขนาด คือ 7.4 kW และ 22 kW ใช้งานได้ทั้งไฟฟ้า 1 เฟส และ 3 เฟส ซึ่งตัวเครื่องจะมีจุดเด่นหลัก ๆ คือ หน้าจอการแสดงผลการทำงานหรือการชาร์จไฟแบบ LCD Display นอกจากนี้ ยังมีระบบป้องกันไฟรั่วภายในเครื่องด้วย เพื่อความปลอดภัยในการใช้งานทั้งภายนอกและภายในอาคาร
- มีมาตรฐานการกันฝน แดด และฝุ่นละออง IP66
- มี DRD สำหรับการล็อกด้านข้าง เพื่อป้องกันการโจรกรรม
- ความยาวสายมี 3 ขนาด คือ 5 เมตร, 7 เมตร และ 10 เมตร
- มีน้ำหนัก 5 กิโลกรัม
- สถานะดูง่าย เช่น พลังงาน ค่าใช้จ่าย และปัญหาหรือความผิดพลาด
- มีระบบควบคุมแรงดันไฟฟ้าภายในตัว
- เมื่อชาร์จเต็มแล้วจะตัดไฟให้อัตโนมัติ รวมถึงเมื่อมีเหตุขัดข้องเกิดขึ้น
ติดตั้งเครื่องชาร์จรถไฟฟ้า Home Charger เลือก PlugHaus
อย่างไรก็ตาม หากผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า EV ท่านใด ที่ต้องการติดตั้ง เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ที่บ้าน หรือ Home EV Charger ที่มีมาตรฐานการติดตั้งแบบครบวงจร ทั้งจาก PEA และ MEA พร้อมการรับประกันหลังการขาย สามารถเลือกติดตั้งกับทาง PlugHaus Thailand ได้แล้ววันนี้ ซึ่งในปัจจุบันเรามีจำหน่ายทั้งหมด 3 รุ่นจากทาง Wallbox ไม่ว่าจะเป็น Pulsar Max, Pulsar Plus และ Pulsar Pro ซึ่งแต่ละรุ่นก็จะมีราคาที่แตกต่างกันออกไป เพราะฉะนั้น ผู้ใช้รถอีวีสามารถเลือก Home Charger ราคาที่ถูกใจและสเปกที่เหมาะสมกับรถได้เลย