การใช้รถไฟฟ้าในปัจจุบัน นับว่าเป็นอีกหนึ่งเมกะเทรนด์ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับธุรกิจโลจิสติกส์และขนส่ง ที่ได้หันมาใช้ EV Fleet พร้อมสร้าง EV Ecosystem แบบครบวงจร ด้วยการวางโมเดลที่เรียกว่า EV Fleet Solutions ที่เหมาะสำหรับการดำเนินกิจการ ซึ่งการวางโมเดลดังกล่าวนี้ ไม่ได้มีเป้าหมายเพียงแค่การลดต้นทุนด้านพลังงานเท่านั้น แต่ยังมีเป้าหมายที่ใหญ่กว่าก็คือ Net Zero นั่นเอง

EV Fleet คืออะไร?
EV Fleet มาจากคำว่า Fleet Business หรือ Fleet Management ที่หมายถึง ธุรกิจหรือองค์กรที่ใช้ยานพาหนะในหลาย ๆ รูปแบบประกอบกิจการ ซึ่งที่เห็นได้บ่อยก็คือ ธุรกิจโลจิสติกส์และขนส่ง เพราะฉะนั้น คำว่า EV Fleet ก็คือโลจิสติกส์สีเขียว (Green Logistics) อย่างหนึ่ง ที่มีวิธีการดำเนินการด้านโลจิสติกส์ ที่มุ่งเน้นการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงการลดการปล่อย CO2 โดยเฉพาะการขนส่งสินค้าจากต้นน้ำไปจนถึงผู้บริโภค เพื่อนำไปสู่เป้าหมายใหญ่อย่าง Net Zero หรือการปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์

หลักการปฏิบัติของ Green Logistics
สำหรับหลักการปฏิบัติของ Green Logistics จะมีแนวทางที่สำคัญคือ การใช้เชื้อเพลิงและพลังงานที่มีความสะอาดและยั่งยืน โดยเริ่มต้นอาจเป็นการใช้เชื้อเพลิงกลุ่มไบโอดีเซลก่อน แล้วขยายไปเป็นการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า หรือใช้โมเดล EV Fleet Solutions แทนในระยะยาว หลังจากนั้นจะเริ่มเปลี่ยนแปลงรูปแบบการขนส่งที่มีการปล่อยคาร์บอนสูงไปเป็นรูปแบบที่ปล่อยคาร์บอนน้อยกว่า
นอกจากนี้ ยังมุ่งเน้นการขนส่งสินค้าร่วมกัน หรือก็คือการรวบรวมสินค้าจากหลาย ๆ ผู้ประกอบการเข้าด้วยกัน เพื่อลดพื้นที่ว่างในการขนส่งแต่ละครั้งรวมถึงเที่ยวเปล่า ที่ทำให้สิ้นเปลืองพลังงานโดยเปล่าประโยชน์ และที่ขาดไม่ได้คือ การบริหารและการจัดการศูนย์หรือคลังกระจายสินค้า เพื่อลดระยะทางในการขนส่งรวมถึงระยะเวลาในการจัดส่งสินค้าไปยังปลายทางด้วยเช่นกัน (ที่มา: ธนาคารออมสิน)
เช่นเดียวกับการพัฒนาเทคโนโลยี ที่ในแนวทางของ Green Logistics จะมีการนำเอาเทคโนโลยีหรืออุปกรณ์ต่าง ๆ มาใช้ร่วมด้วย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพได้อย่างยั่งยืน อาทิ การใช้ระบบบริหารจัดการพลังงานไฟฟ้าของรถบรรทุกไฟฟ้า ด้วยโซลูชั่น EV Fleet หรือแม้กระทั่งการใช้อุปกรณ์ดักจับมลพิษจากท่อไอเสีย สำหรับยานยนต์ที่ยังใช้เชื้อเพลิงอยู่ และที่ขาดไม่ได้คือ การพัฒนาโครงสร้างคมนาคมขนส่งให้พร้อม รวมถึงความร่วมมือกับภาครัฐ ที่จะต้องออกนโยบายต่าง ๆ เพื่อผลักดันไปสู่เป้าหมาย Net Zero ในอนาคต

การเติบโตของธุรกิจโลจิสติกส์ในไทย
แน่นอนว่า การเปลี่ยนโมเดลการขนส่งจากยานพาหนะที่ใช้เชื้อเพลิงแบบดั้งเดิม มาใช้พลังงานไฟฟ้าแบบ 100% หรือการใช้โมเดล EV Fleet Solutions นั้น มีผลดีในระยะยาวต่อธุรกิจโลจิสติกส์และขนส่งอย่างแน่นอน ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะการขนส่งสินค้าของไทยเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในยุคที่ Online Marketing มาแรง และผู้บริโภคหันมาใช้บริการสั่งสินค้าออนไลน์มากกว่า
จากการวิจัยการฟื้นตัวของกิจกรรมภาคการผลิต การค้า และการลงทุน ของทางธนาคารกรุงศรี ก็สรุปได้ว่าธุรกิจบริการขนส่งสินค้าทางถนนนับตั้งแต่ปี 2567 – 2569 มีแนวโน้มเติบโตเฉลี่ย 2.0 – 3.0% ต่อปี โดยมีสัดส่วนถึง 80% อาทิ บริการรถขนส่งสินค้าบรรจุตู้คอนเทนเนอร์ ที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากการฟื้นตัวของภาคการค้าและภาคการผลิตการค้า รวมถึงการเติบโตของธุรกิจ e – Commerce ที่ก็ส่งผลต่อปริมาณการใช้รถบรรทุกที่เพิ่มขึ้นในทุก ๆ ปีเช่นกัน
เพราะนั้น จากการเติบโตของการขนส่งทางถนนในประเทศไทย จึงทำให้อนุมานได้ว่า ธุรกิจโลจิสติกส์ควรมีการบริหารการจัดการพลังงานอย่างเป็นระบบ และการลดต้นทุนการขนส่งให้ได้ในระยะยาว ซึ่งหนึ่งในแนวทางดังกล่าวก็คือ การหันมาใช้เทคโนโลยีพลังงานไฟฟ้า หรือ รถ EV แทน ไม่ว่าจะเป็น รถบรรทุกไฟฟ้า รถกระบะไฟฟ้า รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ฯลฯ หรือในบางกรณีก็อาจเลือกใช้พลังงานผสมแทน เพื่อความยืดหยุ่นในการขนส่งในแต่ละพื้นที่

เปลี่ยนมาใช้ EV Fleet Solutions ดีกว่ายังไงต่อธุรกิจ?
สำหรับธุรกิจโลจิสติกส์ที่ใช้โมเดล EV Fleet Solutions จะเห็นได้ว่า นอกเหนือจากการใช้พลังงานสะอาดแทนพลังงานเชื้อเพลิง ที่ส่งผลต่อการลดต้นทุนของธุรกิจในระยะยาวแล้ว ยังมีข้อดีในด้านอื่น ๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น
- การจัดการยานพาหนะหรือยานยนต์ไฟฟ้าได้อย่างเป็นระบบ เช่น เส้นทางเดินรถ
- วางแผนการใช้พลังงานได้อย่างครอบคลุม เช่น การชาร์จไฟในเวลา Off – Peak ที่มีราคาถูกกว่า
- การติดตั้ง EV Charging Station สำหรับชาร์จไฟยานพาหนะ เช่น มีการติดตั้งเครื่องชาร์จไว้ที่คลังสินค้าขององค์กร
- EV Fleet Solutions มีระบบการจัดการอย่างชัดเจน ทั้งในด้าน Software และ Hardware สำหรับการจัดการ EV Fleet Management
- ลดภาระค่าใช้จ่ายด้านการบำรุงรักษายานพาหนะในระยะยาว มีเพียงแค่การตรวจสอบประสิทธิภาพของแบตเตอรี่และการทำงานของระบบไฟฟ้าเท่านั้น
- ได้สิทธิประโยชน์ทางภาษี เช่น การหักค่าใช้จ่ายได้ 1.5 เท่า จากการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า
นอกจากนี้ การใช้โมเดล EV Fleet ยังมีประเด็นของ Carbon Credit ด้วยเช่นกัน เพราะถึงแม้ว่าในปัจจุบันประเทศไทยจะเป็นตลาดคาร์บอนเครดิตภาคสมัครใจ แต่ก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งประเด็นที่ไม่ควรมองข้าม เพราะคาร์บอนเครดิตก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่ง Mega Trend สำหรับธุรกิจที่ดำเนินกิจการภายใต้หลักการของ ESG ซึ่งในปัจจุบันก็มีหลาย ๆ ธุรกิจที่เริ่มหันมาใช้ยานยนต์ไฟฟ้ากันมากขึ้น อาทิ รถโดยสารพลังงานไฟฟ้า E – Bus ของทางไทยสมายล์ หรือแม้แต่การขนส่งผลิตภัณฑ์ร้าน Boots ที่ดำเนินการร่วมกับขนส่ง DHL เป็นต้น
สรุป
จะเห็นได้ว่า การเปลี่ยนมาใช้โมเดลธุรกิจด้วยการ EV Fleet ถือเป็นอีกหนึ่งแนวทางปฏิบัติของ Green Logistics ในยุคใหม่ ที่นอกจากจะช่วยลดต้นทุนในด้านต่าง ๆ แล้ว ยังส่งผลดีต่อธุรกิจในหลาย ๆ ด้าน โดยเฉพาะด้านความยั่งยืนในระยะยาว เช่นเดียวกันกับผู้บริโภคที่เลือกใช้รถยนต์ไฟฟ้า EV ที่ก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของการลดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมของภาคประชาชนเช่นกัน