fbpx

ไฮไลท์เด็ดงาน Motor Expo 2024 งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 41

สำหรับงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 41 “The 41th Thailand International Motor Expo 2024” ในปลายปีนี้ ก็เป็นอีกหนึ่งงานที่หลายคนต่างก็รอคอย โดยเฉพาะผู้ที่สนใจนวัตกรรมยานยนต์ หรือผู้ใช้รถที่มีแพลนอยากจะออกรถใหม่มาใช้งาน ซึ่งในงานมหกรรมยานยนต์ของปีนี้ ก็มีไฮไลท์เด็ด ๆ ที่น่าสนใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็น การจัดแสดงโชว์นวัตกรรมยานยนต์ใหม่ ๆ การเปิดตัวรถใหม่ภายในงาน นอกจากนี้ ยังมีโปรโมชั่นดีดีเฉพาะลูกค้าที่เข้าร่วมงาน Motor Expo 2024 อีกเพียบ ลด แลก แจกแถม พร้อมโปรชมงานชิงรถ เรียกว่ามีแต่ไฮไลท์เด็ด ๆ ที่น่าติดตามกันหลายอย่าง เพราะฉะนั้น PlugHaus Thailand จะพาคุณมาดูกันว่า งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 41 ในปีนี้ มีอะไรบ้างที่น่าสนใจ พร้อมแนะนำกิจกรรมดีดีที่ห้ามพลาดเด็ดขาด

Motor Expo 2024 มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 41

Motor Expo 2024 มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 41 ชมงาน…ชิงรถ

งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 41 เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า Thailand International Motor Expo 2024 ซึ่งเป็นงานมหกรรมยานยนต์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอีกงานหนึ่งของเมืองไทย โดยทุก ๆ ปี จะจัดขึ้นในช่วงเดือนพฤศจิกายน – ธันวาคม ของทุกปี โดยในปีนี้งาน Motor Expo 2024 ก็จัดขึ้นภายในแนวคิด “จิตวิญญาณแห่งนวัตกรรม…ยานยนต์ล้ำอนาคต (INNOVATIVE SPIRIT…Futuristic Vehicles)” โดยการจัดงานในครั้งนี้ อยู่ภายใต้การดูแลและบริหารงานของ บริษัท สื่อสากล จำกัด โดยมีคุณขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ เป็นประธานการจัดงาน

คุณขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ประธานการจัดงาน Motor Expo 2024

แบรนด์รถยนต์ที่เข้าร่วมงาน Motor Expo 2024 ปลายปีนี้

ในงาน Motor Expo 2024 ปีนี้ ค่ายรถยนต์ที่เข้ามาร่วมจัดแสดงพร้อมเปิดตัวรถใหม่ ก็มีหลายแบรนด์เช่นกัน รวมกว่า 42 ค่าย จาก 9 ประเทศ ที่เข้ามาทำตลาดรถ EV ในเมืองไทย ได้แก่ Aion, Aion, Audi, Avatar, BMW, BYD, BYD Commercial, Deepal, Denza, Ford, Foton, Geely, Great Wall Motor, Honda, Hyundai, Isuzu, Jeep, Juneyao, Kia, King Long, Leapmotor, Lexus, Lotus, Maserati, Mazda, Mercedes-Benz, MG, MINI, Mitsubishi, Neta, Nissan, Omoda & Jaecoo, Peugeot, Pocco, Porsche, Riddara, Suzuki, Tesla, Toyota, Volvo, Wuling, Xpeng และ Zeekr และยังมีชุดแต่งจากผู้นำเข้าอิสระอย่าง M’Z Speed อีกด้วย

แบรนด์รถจักรยานยนต์ ที่เข้าร่วมงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 41

สำหรับค่ายรถจักรยานยนต์ที่เข้าร่วมงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 41 ในปลายปีนี้ ก็มีทั้งสิ้น 22 ค่าย จาก 9 ประเทศ ได้แก่ AJ EV, Alpha Volantis, BMW Motorrad, Deco, EM Motor, Felo, Hanway, Harley-Davidson, Honda, Kawasaki, Lambretta, NIU, Rapid, Royal Alloy, Royal Enfield, Solar, Strom, Suzuki, Triumph, Yamaha, Zeeho และ Zontes

แผนผังงาน Motor Expo 2024 มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 41

รวมโปรโมชั่นงาน Motor Expo 2024 มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 41

โปรโมชั่นชมงาน…ชิงรถ ลุ้นรับรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ภายในงาน

  • “ซื้อรถ…ชิงรถ” เมื่อจองหรือซื้อรถยนต์ใหม่ มีสิทธิ์ชิงรถ The KIA EV5 รุ่น Light มูลค่า 1,299,000 บาท
  • “ซื้อบัตร…ชิงรถ” ผู้ที่ซื้อบัตรชมงาน มีสิทธิ์ชิงรถ Mazda CX-3 Base Plus มูลค่า 830,000 บาท
  • “ซื้อรถมอเตอร์ไซค์…ชิงบิกไบค์” เมื่อจองหรือซื้อรถจักรยานยนต์รุ่นใดก็ได้ ก็มีสิทธิ์ชิงรถจักรยานยนต์ Triumph รุ่น Scrambler 1200 X มูลค่า 599,000 บาท
  • “ชมงานผ่าน Motor Expo App ชิงรางวัล” ลุ้นชิงรถยนต์ Suzuki รุ่น Swift GK มูลค่า 567,000 บาท

กิจกรรมพิเศษสำหรับเด็กและเยาวชนภายในงาน

  • Skill Driving Experience Junior การอบรมปลูกฝังวินัยจราจรเด็ก
  • Skill Driving Experience กิจกรรมให้ความรู้เกี่ยวกับการขับขี่รถที่ถูกต้องแก่บุคคลทั่วไป
  • Spirit of the 4×4 Driving School กิจกรรมให้ความรู้ และทดลองขับรถขับเคลื่อน 4 ล้อ
  • นิทรรศการสมาคมรถโบราณแห่งประเทศไทย พร้อมการอวดโฉมรถโบราณทรงคุณค่า นอกจากนี้ ยังได้เปิดโหวตรถประทับใจ ชิง People Choice Award
  • กิจกรรมจากมูลนิธิ “ลมหายใจไร้มลทิน” จัดกิจกรรมสำหรับเด็ก และเยาวชน
  • Join Boat Platform จัดแสดงเรือ และกิจกรรมทางน้ำ
บรรยากาศงาน Motor Expo 2024 มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 41

สถานที่จัดงาน Motor Expo 2024 พร้อมการเดินทาง

สำหรับการจัดงาน Motor Expo 2024 ปลายปีนี้ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม 2567 ณ อาคารชาเลนเจอร์ 1 – 3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี โดยผู้ที่สนใจสามารถซื้อบัตรได้ที่ www.motorexpo.co.th โดยจำหน่ายใบละ 100 บาท หรือสามารถซื้อบัตรที่หน้างานก็ได้เช่นกัน (รอบสื่อจัดงานพร้อมพิธีเปิดวันที่ 28 พฤศจิกายน 2567)

  • วันธรรมดา จันทร์ – ศุกร์ งานเริ่มเวลา 12.00 – 22.00 น.
  • วันเสาร์ – อาทิตย์ งานเริ่มเวลา 11.00 – 22.00 น.

นอกจากนี้ ผู้ที่สนใจเข้าร่วมงาน ยังสามารถรับบัตรฟรีในการเข้าชมงานมหกรรมยานยนต์ได้เช่นกัน อาทิ ลูกค้า AIS สามารถแลกพอยต์รับบัตรเข้าชมงาน Motor Expo 2024 นอกจากนี้ ยังมีโปรโมชั่นซื้อ Motor Expo Exclusive Visitor มูลค่า 1,000 บาท รับข้อเสนอสุดพิเศษรวมกว่า 5,000 บาท ไม่ว่าจะเป็น บัตร Ultimate 3 ใบ เข้าชมงานได้ทุกวัน, ช่องจอดรถ VIP 3 ชั่วโมง, พื้นที่รับรองพิเศษ, บริการนำชมรถภายในงาน และสิทธิพิเศษซื้อสินค้าที่ระลึกภายในงานลด 10% (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.motorexpo.co.th)

การเดินทางไปยังงาน Motor Expo 2024

1. เดินทางด้วยรถไฟฟ้า BTS

  • สายสีเขียว ลงที่สถานีหมอชิต (ทางออก 4) แล้วขึ้นรถตู้สาย สวนจตุจักร – เมืองทองธานี
  • สายสีแดง ลงที่สถานีหลักสี่ แล้วต่อรถโดยสารสาย 52, 150 และ 356
  • สายสีชมพู ลงที่สถานีเมืองทองธานี แล้วใช้บริการรถแท็กซี่หรือวินมอเตอร์ไซค์

2. เดินทางด้วยรถตู้

  • สายอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ จุดจอดตรงข้าม รพ.ราชวิถี
  • สายจตุจักร จุดจอดรถที่ลานจอด BTS หมอชิต ทางออก 4 หรือ MRT จตุจักร ทางออก 3
  • สายเดอะมอลล์งามวงศ์วาน จุดจอดที่แกรนด์พลาซ่า ตรงข้ามเดอะมอลงามวงศ์วาน
  • สายสนามหลวง ให้บริการเฉพาะช่วงเช้า เวลา 06.30 – 07.30 น.
  • สายสีลม ให้บริการเฉพดาะช่วงเช้า เวลา 06.30 – 07.30 น.

3. เดินทางด้วยรถโดยสารประจำทาง (รถเมล์)

  • เส้นวิภาวดี – รังสิต, แยกแจ้งวัฒนะ สาย 29, 52, 59, 95, 150, 504, 510 และ 538
  • เส้นห้าแยกปากเกร็ด สาย 32, 33, 51, 90, 104, 359 และ 367
  • เส้นถนนแจ้งวัฒนะ สาย 52, 150 และ 356
  • เส้นอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ สาย 166

4. เดินทางด้วยรถ Shuttle Bus ฟรี

  • BTS หมอชิต ทางออก 2 หรือ MRT จตุจักร ทางออก 4 – Impact เวลา 11.00 น. – 20.30 น.
  • BTS ศรีรัช ทางออก 1 – Impact เวลา 11.00 น. – 20.30 น.
  • MRT หัวลำโพง ทางออก 2 – Impact เวลา 11.00 น. – 20.30 น.
  • ศูนย์การค้า G12 ฝั่งร้าน AIS – Impact เวลา 11.00 น. – 20.30 น.

หมายเหตุ : สำหรับบริการ Shuttle Bus ไป – กลับ งาน Motor Expo 2024 รอบเดินทางกลับรอบแรกเวลา 12.00 น. และรอบสุดท้ายคือเวลา 22.30 น. ทุกสาย

สำหรับผู้ที่สนใจเข้ารวมงาน Motor Expo 2024 หรือ มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 41 สามารถติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่ www.motorexpo.co.th และหากไม่อยากพลาดข่าวสารเด็ด ๆ รวมถึง รีวิวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ ที่เปิดตัวในงาน Motor Expo เป็นครั้งแรกอย่างเป็นทางการในปลายปีนี้ ก็อย่าลืมติดตามข่าวสารวงการรถยนต์ EV จากทาง PlugHaus Thailand ที่พร้อมเสิร์ฟทุกข่าวสารเด็ด ๆ และรีวิวรถใหม่แบบจัดเต็มให้กับคนรักรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ

ส่องรถยนต์ไฟฟ้า เปิดตัวใหม่ พร้อมบุกตลาดรถ EV ในไทย ปี 2024 – 2025

จะสิ้นปี 2024 แล้ว ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในไทย ก็ยังคงคึกคักและน่าติดตามกันอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้าที่จะเปิดตัวใหม่ในช่วงปลายปี 2024 และทำตลาดในช่วงปี 2025 นี้ ซึ่งบางรุ่นก็เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปแล้ว ในขณะที่บางแบรนด์ก็เตรียมเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าใหม่ในไทย พร้อมทำตลาดอย่างจริงจัง เพราะฉะนั้น ชาวอีวีก็ไม่ควรพลาด มาดูกันว่าในช่วงนี้ Timeline การเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าในไทย มีรุ่นไหนบ้างที่น่าติดตาม มีครบทั้งแบรนด์ยักษ์ใหญ่และแบรนด์น้องใหม่ที่จะมาเข้าร่วมในศึกตลาดรถ EV แน่นอน

Update! รถยนต์ไฟฟ้า เปิดตัวใหม่ล่าสุดปี 2024 ในไทย

สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ไม่ว่าจะเป็นกลุ่ม BEV, HEV และ PHEV ที่กำลังจะเปิดตัวและทำตลาดในไทย นับตั้งแต่ปลายปี 2024 ไปจนถึงปี 2025 ในตอนนี้ก็มีหลายรุ่นมาก ๆ ที่น่าสนใจ ซึ่งบางรุ่นก็มีแววว่าจะเปิดตัวในงาน Motor Expo 2024 ที่กำลังจะจัดขึ้นในช่วงวันที่ 29 พฤศจิกายน 2567 – 10 ธันวาคม 2567 นี้เช่นกัน เพราะฉะนั้น ทาง PlugHaus Thailand จะพาคุณมา Check List ดูกันว่า ตอนนี้มีรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นไหนบ้างที่น่าติดตาม และกำลังจะมาบุกตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในไทย บอกเลยว่าแต่ละรุ่นน่าใช้และสเปกจัดเต็มไม่แพ้กัน

รถยนต์ไฟฟ้า เปิดตัวใหม่ BYD Seal 2025

1. BYD Seal 2025

รถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่งเปิดตัวไปแบบสด ๆ ร้อน ๆ และสดใหม่ก็ต้องยกให้กับ รถยนต์ไฟฟ้า 2024 อย่าง BYD Seal หรือ เจ้าแมวน้ำจากค่าย BYD ที่ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในเมืองจีนไปแล้วในปีนี้ พร้อมการอัปเกรดครั้งใหญ่ ครบทั้งภายในและภายนอก และที่สำคัญคือ มีเทคโนโลยีล้ำสมัยที่น่าตื่นตาตื่นใจหลายอย่าง โดยเฉพาะแชสซีใหม่ที่มาพร้อมกับระบบ Disus – C ที่เพิ่มความสามารถได้หลายอย่าง เช่น ความเสถียร ความสะดวกสบาย และระบบกันสะเทือน

จุดเด่นของ BYD Seal 2025

  • ขนาดตัวถัง (ยาว x กว้าง x สูง) 4,800 x 1,875 x 1,460 มม.
  • e-Platform 3.0 EVO อัปเกรดระบบไฟฟ้าจาก 400 เป็น 800 โวลต์ ชาร์จแบตได้ตั้งแต่ 10% – 80% โดยใช้เวลาเพียงแค่ 25 นาที
  • มีเทคโนโลยี LiDAR การตรวจจับสิ่งแวดล้อมรอบตัว สิ่งกีดขวาง วัตถุ ฯลฯ ที่แม่นยำมากขึ้น
  • เป็นที่สุดของขุมพลัง EV โดยรุ่นท็อปมีกำลัง 390 กิโลวัตต์ 523 แรงม้า ขับเคลื่อนสี่ล้อ (4WD)
  • เปลี่ยนโลโก้ใหม่ จากคำว่า Build Your Dreams เหลือแค่ BYD เท่านั้น
  • มีแบตเตอรี่ 2 ขนาด คือ ขนาด 61.44 kWh วิ่งได้สูงสุด 510 กม. และขนาด 80.64 kWh วิ่งได้สูงสุด 650 กม. ตามมาตรฐาน CLTC

รุ่นย่อยที่วางจำหน่าย

  • 510 Standard Edition
  • 650 Long Range Edition
  • 650 Intelligent Driving Edition
  • 600 4WD Intelligent Driving Edition
รถยนต์ไฟฟ้า เปิดตัวใหม่ JAECOO 6

2. JAECOO 6

ถือว่าเป็นรถยนต์ไฟฟ้าสำหรับสายออฟโรดโดยเฉพาะ สำหรับเจ้า JAECOO 6 ที่มีการอัปเกรดขุมพลังให้แกร่งขึ้น โดยเฉพาะระบบการทำงานของ i-WD ที่กระจายแรงไปยัง 4 ล้อ ในโหมดการขับขี่ต่าง ๆ รวมถึงระบบ Ground Clearance ที่ช่วยทำให้ขับลุยน้ำได้อย่างปลอดภัย เรียกว่าเป็นรถอเนกประสงค์ที่ถูกออกแบบมาให้ใช้งานได้ทั้งแบบ On-Road และ Off-Road โดยเฉพาะ

จุดเด่นของ JAECOO 6

  • เป็นตัวถังระบบ B-SUV ที่เป็นรถยนต์ไฟฟ้าแบบ 100% มีทั้งรุ่น 2WD และ 4WD
  • มิติตัวรถ (ยาว x กว้าง x สูง) 4,406 x 1,910 x 1,715 มม.
  • ใช้ไฟหน้า LED ชนิด Matrix LED ปรับสูง-ต่ำ แบบอัตโนมัติ และไฟ DRL รูปแบบตัว i
  • โดดเด่นเรื่องระยะมุมเข้าและมุมจากตัวรถ ทำให้ขับขี่บนทางลาดชัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • มีกล่องเก็บสัมภาระด้านหลัง เพิ่มความอเนกประสงค์ได้ดี
  • มีฟังก์ชันนวดเพื่อผ่อนคลายสำหรับผู้โดยสารคู่หน้า
  • ใช้แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน LFP จาก CATL ความจุ 65.7 kWh ขับไกล 426 กม. และความจุ 69.8 kWh ขับได้ไกล 418 กม. ตามมาตรฐาน NEDC
  • มีการขับขี่สูงสุด 9 โหมด โดยเฉพาะในโหมด All road ที่ให้รถจัดการตัวเองได้ทั้งหมด

รุ่นย่อยที่วางจำหน่าย

  • Long Range 2WD ราคา 1,099,000 บาท
  • Long Range 4WD ราคา 1,249,000 บาท
รถยนต์ไฟฟ้า เปิดตัวใหม่ GAC AION V II

3. GAC AION V II

สำหรับ GAC AION V II เป็นอีกหนึ่งรถยนต์ไฟฟ้าจากแดนมังกร ที่กำลังจะมาทำตลาดในไทยในปลายปีนี้ (คาดว่าจะเปิดตัวพร้อมเผยโฉมอย่างเป็นทางการในงาน Motor Expo 2024 ปลายปีนี้) โดยเป็นรถ SUV ที่มีสมรรถนะให้เลือกใช้ 2 ขุมพลัง คือรุ่นที่ให้กำลัง 201 แรงม้า และ 221 แรงม้า ซึ่งรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นนี้ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนเมษายน 2567 ที่งาน Beijing Auto Show 2024 ที่ผ่านมา โดยมีรุ่นย่อยให้เลือกถึง 7 รุ่น โดยไฮไลต์หลัก ๆ ของตัวรถก็คือ การพัฒนาขึ้นมาใหม่บนแพลตฟอร์ม AEP Pure Electric Digital Platform ของทาง GAC เอง

จุดเด่นของ GAC AION V II

  • มิติตัวรถ (ยาว x กว้าง x สูง) 4,605 x 1,854 x 1,660 มม. และระยะฐานล้อ 2,775 มม.
  • มีการออกแบบใหม่ เรียกว่า Blade Shadow Potential Energy
  • ออกแบบโลโก้ใหม่ของ AION ด้วยรูปแบบตัวอักษร
  • ออกแบบคอนโซลหน้าฝั่งผู้โดยสาร ให้มีความคล้ายกับเกล็ดมังกร
  • มีการติดตั้งตู้แช่เย็นขนาด 6.6 ลิตร บริเวณคอนโซลกลาง ทำความร้อน ความเย็น และแช่แข็งได้
  • ระบบเครื่องเสียงมีลำโพง 9 ตำแหน่ง และซับวูฟเฟอร์ขนาด 8 นิ้ว
  • มีระบบผู้ช่วยส่วนตัวที่ทำงานบนระบบ AI รวมถึง iFlytek หรือเครื่องแปลภาษาอัจฉริยะ
  • มีมอเตอร์ขนาด 150 kW และ 165 kW
  • มีซิลิกอนคาร์ไบด์ ที่ช่วยให้ชาร์จได้ไวขึ้น 60% ชาร์จ 15 นาที วิ่งได้ 370 กม.

รุ่นย่อยที่วางจำหน่าย

  • ที่เปิดตัวในจีนมีทั้งหมด 7 รุ่นย่อย ส่วนรุ่นที่จำหน่ายในไทยต้องรอเปิดตัวอย่างเป็นทางการ
รถยนต์ไฟฟ้า เปิดตัวใหม่ Wuling Binguo 2024

4. Wuling Binguo

หากใครเป็นสาวกรถไซซ์มินิ ก็ต้องไม่พลาดกับ Wuling Binguo 2024 รถยนต์ไฟฟ้า ที่เปิดตัวมาเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมาอย่างเป็นทางการ เป็นรุ่นใหม่ล่าสุดในกลุ่ม B-Segment ที่เปิดตัวมาพร้อมกับดีไซน์แบบ Timeless ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Be The Icon” ที่ขึ้นชื่อเรื่องความคลาสสิกและเรียบง่าย ตอบโจทย์การใช้งานภายในเมืองโดยเฉพาะ และที่สำคัญคือ มีการรับประกันมอเตอร์ แบตเตอรี่ และคอนโทรลเลอร์ตลอดอายุการใช้งาน หรือ Passive Lifetime Warranty

จุดเด่นของ Wuling Binguo

  • มิติตัวรถ (ยาว x กว้าง x สูง) 3,950 x 1,780 x 1,580 มม.
  • แถมฟรี Wallbox Home Charger 7 kW พร้อมบริการติดตั้ง
  • รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย
  • มีกล้องบันทึกข้อมูลการขับขี่ DVR 1080p Full HD
  • ใช้แบตเตอรี่ Lithium – ion (LFP) ขนาด 31.9 kWh
  • สามารถวิ่งได้ไกล 333 กม. ต่อการชาร์จ (มาตรฐาน NEDC)
  • รองรับหัวชาร์จ Type 2 / CCS Combo
  • มีรูปแบบการขับขี่ 4 โหมด คือ ECO+ / ECO / Normal / Sport
  • มีระบบสตาร์ทอัตโนมัติ พร้อมระบบกุญแจ Smart Keyless Entry
  • ล็อกประตูอัตโนมัติเมื่อวิ่งด้วยความเร็ว หรือ Drive Away Locking

รุ่นย่อยที่วางจำหน่าย

  • Wuling Binguo SR AC ราคา 419,000 บาท
  • Wuling Binguo SRD DC ราคา 449,000 บาท
รถยนต์ไฟฟ้า เปิดตัวใหม่ Tesla Model Y Juniper 2025

5. Tesla Model Y Juniper 2025

ในช่วงต้นปี 2025 ที่จะถึงนี้ รถยนต์ไฟฟ้าที่เตรียมเปิดตัวอย่างเป็นทางการ พร้อมวางจำหน่ายก็คือ Tesla Model Y Juniper 2025 ที่มาพร้อมกับการปรับดีไซน์ใหม่ทั้งหมด มีความโดดเด่นที่เป็นจุดขายอันดับแรก ๆ คือ การออกแบบไฟหน้าที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก XPENG ซึ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีน ซึ่งเบื้องต้น Tesla Model Y Juniper จะเริ่มผลิตที่โรงงาน Giga Shanghai ในปลายปี 2024 นี้ พร้อมส่งมอบรถในช่วงไตรมาสแรกของปี 2025 ซึ่งในปัจจุบันนี้ก็ยังไม่มีข้อมูลที่แน่ชัดออกมาแบบ 100% มีเพียงข้อมูลแบบคร่าว ๆ ของตัวรถเท่านั้น เรียกว่า สาวกคนรักเทสล่าสต้องติดตามกันแบบวันต่อวัน สำหรับข่าวสารของรถรุ่นนี้กันเลยทีเดียว

จุดเด่นของ Tesla Model Y Juniper 2025

  • มีการปรับปรุงดีไซน์ใหม่ ด้วยการนำแถบไฟ LED แบบใหม่มาใช้ คล้ายการออกแบบของ XPENG
  • ยังคงคอนเซ็ปต์การออกแบบที่โดดเด่น เทคโนโลยีล้ำสมัย และออปชั่นที่ครบครันเช่นเดิม
  • อาจมีสีใหม่ คือ Ultra Red และ Stealth Gray เพิ่มมาจากสีเดิมที่มีอยู่ในตอนนี้
  • คาดว่ามีการออกแบบแผงหน้าปัดใหม่ พร้อมระบบ Infotainment แบบจอสัมผัสหมุนได้
  • ภายในมีความคล้ายกับ Tesla Model 3 แต่แผงหน้าปัดมีการปรับปรุงให้เข้ากับห้องโดยสาร
  • คาดว่ามีการพัฒนาแบตเตอรี่ชุดใหม่ ที่อาจวิ่งได้ไกลถึง 400 ไมล์ มีความจุแบต 62.5 kWh

รุ่นย่อยที่วางจำหน่าย

  • มีการเปิดเผยว่าจะมีการอัปเกรดรถรุ่นใหม่ พร้อมพัฒนารถที่มีราคาจับต้องได้

ติดตามทุกข่าวสารสดใหม่ ในแวดวงรถยนต์ EV ที่ PlugHaus

จะเห็นได้เลยว่า ในบรรดารถยนต์ EV หรือ รถยนต์ไฟฟ้า ที่จะเตรียมมาทำตลาดในไทย นับตั้งแต่ช่วงปลายปี 2024 ไปจนถึงต้นปี 2025 นี้ ก็มีหลายรุ่นที่น่าสนใจ และมีหลายรุ่นมาก ๆ ที่น่าใช้งาน ทั้งรถที่ออกแบบมาเพื่อสายออฟโรด หรือรถอีวีที่ออกแบบมาเพื่อคนใช้รถในเมืองโดยเฉพาะ นอกจากนี้ แบรนด์ชั้นนำอย่าง Tesla เอง ก็พร้อมที่จะตีตลาดพร้อมพัฒนารถรุ่นใหม่ ๆ ให้มีราคาที่เอื้อมถึงได้

บอกเลยว่า กระแสรถยนต์ EV ในตอนนี้ ก็ยังคงคึกคักและน่าติดตามกันมาก ๆ และหากคุณไม่อยากพลาดข่าวสารวงการรถยนต์ไฟฟ้า หรือเทรนด์รถยนต์พลังงานไฟฟ้า ก็อย่าลืมมาติดตามกับทาง PlugHaus Thailand ตัวจริงเรื่อง Home Charger บอกเลยว่า นอกจากเราจะมีข่าวสารวงการรถยนต์ EV อัปเดตกันแบบเรียลไทม์แล้ว เรายังมีสาระความรู้ที่น่าสนใจให้คุณได้ติดตามอีกเพียบ!

วิธีเลือก “ประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้า” ให้คุ้มครองรถ – แบต ฉบับชาวแก๊ง EV

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า สิ่งที่ผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้ากังวลมากที่สุดในการใช้รถยนต์ EV นั้น ก็คือเรื่องของ “ประกันรถยนต์ไฟฟ้า” เพราะต้องเลือกประกันที่สามารถคุ้มครองได้ทั้งแบตและตัวรถยนต์ ซึ่งที่ผ่านมาก็มีประเด็นเรื่องประกันรถยนต์ไฟฟ้ามาให้ติดตามกันอย่างมากมาย เช่น การลดความคุ้มครองแบตเตอรี่ หรือหากต้องซื้อประกันที่คุ้มครองได้ทั้งหมด ก็ต้องดูค่าเบี้ย ความคุ้มครอง และราคาประกันรถยนต์ไฟฟ้าให้ดี ว่าจะคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายหรือไม่ คุ้มครองกรณีไหนบ้าง เพราะฉะนั้น มาทำความรู้จักกับประกันรถยนต์ EV ให้มากขึ้น พร้อมวิธีเลือกประกันให้ถูกใจคนใช้รถ

ประกันรถยนต์ไฟฟ้า คืออะไร?

ประกันรถยนต์ไฟฟ้า คืออะไร?

ประกันรถยนต์ไฟฟ้า (EV) คือ ประกันรถยนต์ภาคสมัครใจ ที่สามารถคุ้มครองการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า โดยตัวประกันจะมีความคล้ายและใกล้เคียงกับประกันรถยนต์ทั่ว ๆ ไป ที่จะมีความคุ้มครองในกรณีต่าง ๆ ตามเบี้ยประกันภัย แต่ความแตกต่างของประกันรถยนต์ EV คือ สามารถคุ้มครองแบตเตอรี่รถยนต์และระบบไฟฟ้าร่วมด้วย ทั้งยังรวมถึงการคุ้มครองหัวชาร์จแบตรถยนต์ไฟฟ้าด้วยเช่นกัน โดยประกันรถยนต์ไฟฟ้าจะมีการพิจารณาเงื่อนไขต่างจากรถยนต์ทั่วไป แต่โดยภาพรวมแล้วยังคงคุ้มครองทุกภัย (All Risk) อาทิ น้ำท่วม ไฟไหม้ รถหาย ยกเว้นกรณีที่เกิดสงครามและการจลาจล

เกณฑ์ประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้า BEV คปภ. ปี 2567

ประกันรถยนต์ไฟฟ้า หรือรถ BEV ฉบับใหม่ ปี 2567

ในช่วงที่ผ่านมาจะเห็นได้เลยว่า ประเด็นเรื่องประกันรถยนต์ไฟฟ้านั้น เป็นที่ถกเถียงและมีให้ติดตามกันอยู่เสมอ โดยเกณฑ์การประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้า BEV (Battery Electric Vehicle-BEV) ตามที่ คปภ. ประกาศล่าสุด ก็ได้สรุปออกมาอย่างเป็นทางการแล้วว่า ให้ใช้เกณฑ์ดังกล่าวเป็นมาตรฐานเดียวกันนับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 เป็นต้นมา (เกณฑ์ดังกล่าวใช้เฉพาะรถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้แบตเตอรี่ 100% เท่านั้น ไม่รวมรถที่ดัดแปลงมาจากรถยนต์สันดาป)

  • หากได้รับความเสียหายและต้องเปลี่ยนใหม่ทั้งชุด ชดเชยสินไหมตามอายุการใช้งาน โดยลดอัตราการชดใช้ตามความเสื่อมของแบตเตอรี่ปีละ 10% ต่ำสุด 50%
  • คุ้มครองเหมือนกับประกันรถยนต์ชั้น 1 ทั่วไป แต่จะไม่คุ้มครองความเสียภายจากปัจจัยภายนอก (Cyber Breach) ที่ทำให้ระบบปฏิบัติการเสียหาย (Software)
  • ไม่คุ้มครองเมื่อความเสียหายที่เกิดขึ้น เกิดจากเครื่องชาร์จที่ไม่ได้มาจากผู้ผลิตโดยตรง (สามารถซื้อความคุ้มครองเพิ่มได้)
  • สามารถทบทวนอัตราเบี้ยประกันภัยใหม่ใน 2 ปี เพื่อความยืดหยุ่นต่อบริษัทประกันภัย
  • บังคับให้ระบุชื่อผู้ขับขี่สูงสุดได้ถึง 5 คน หากเกิดอุบัติเหตุแล้วชื่อผู้ขับขี่ไม่ตรงกับกรมธรรม์ จะต้องเสียค่าเสียหายส่วนแรก หรือ ค่า Excess สูงสุดไม่เกิน 6,000 บาท
  • ผู้ขับขี่ที่มีประวัติดีสามารถรับส่วนลดค่าเบี้ยได้สูงสุด 40% (โดยใช้เกณฑ์ประวัติผู้ขับขี่แย่ที่สุดเป็นตัวคำนวณ)

ในการเคลมแบตเตอรี่จากบริษัทประกันภัย ทาง คปภ. ได้กำหนดเอาไว้ด้วยว่า หากได้รับความเสียหายบางส่วน อาจตกลงกันว่าจะมีการซ่อมหรือว่าเปลี่ยนรถที่มีสภาพเดียวกันทดแทนได้ และหากมีการเปลี่ยนแบตตามอัตราที่กำหนดไว้ในเกณฑ์ประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้า จะถือว่าซากแบตเตอรี่ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้เอาประกันภัยและบริษัท โดยจะยึดตามสัดส่วนหรืออัตราการชดใช้ค่าสินใหม่ทดแทนในตัวแบตเตอรี่

วิธีเลือกซื้อประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้า

เลือกซื้อประกันรถยนต์ไฟฟ้าแบบไหน ให้คุ้มครองได้ทั้งแบตและรถ?

การเลือกซื้อประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้าสำหรับผู้ใช้รถยนต์อีวีทุกชนิด หลักการสำคัญคือการพิจารณาค่าเบี้ยประกัน ว่ามีความคุ้มค่าต่อการคุ้มครองมากน้อยแค่ไหน เพราะค่าเบี้ยประกันรถยนต์ไฟฟ้า ถือว่ามีราคาสูงมากกว่าเบี้ยประกันรถยนต์ทั่วไป ซึ่งส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะการเติบโตของตลาดรถยนต์ EV และมาตรฐานต่าง ๆ ยังอยู่ในช่วงที่ต้องนำองค์ประกอบหลายส่วนมาพิจารณาประกอบกัน นอกจากนี้ ยังมีสาเหตุมาจากราคาค่าแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าที่สูงเกือบจะ 70% – 80% ของมูลค่ารถ ซึ่งก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ประกันรถยนต์ EV มีราคาสูงกว่ารถยนต์สันดาปทั่วไป

1. เลือกจากความคุ้มครองของประกันภัย

จากเกณฑ์ประกันรถยนต์ไฟฟ้า BEV ของทาง คปภ. ที่กำหนดออกมานั้น จะสังเกตได้ว่า ครอบคลุมเฉพาะรถที่ใช้แบตเตอรี่ 100% เท่านั้น จะไม่ครอบคลุมรถยนต์ที่พัฒนาหรือดัดแปลงมาจากรถยนต์สันดาป เพราะฉะนั้น การพิจารณาเบี้ยประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้า BEV ต้องพิจารณาวงเงินและความคุ้มครองในส่วนของตัวแบตเตอรี่ร่วมด้วย เพราะกรมธรรม์ฉบับใหม่ไม่ได้คุ้มครองทุกภัย (All Risk) ดังนั้น ต้องดูรายละเอียดความคุ้มครองให้ครอบคลุม ว่าไม่ครอบคลุมในกรณีไหนบ้าง ควรจะซื้อความคุ้มครองเพิ่มหรือไม่

2. เลือกซื้อความคุ้มครองเพิ่มเติมจากกรมธรรม์

หากคุณใช้รถยนต์ไฟฟ้าแล้วต้องการติดตั้ง EV Charger ที่ไม่ได้มาพร้อมกับตัวรถที่ซื้อ แนะนำว่าควรซื้อความคุ้มครองเพิ่มเติมจากทางบริษัทประกันภัย เพื่อให้มั่นใจได้มากขึ้นในการใช้รถ เพราะตามเกณฑ์ความคุ้มครองของประกันแล้ว จะไม่คุ้มครองความเสียหายจากเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าส่วนบุคคลที่ไม่ได้มาจากผู้ผลิตรถ เช่น ติดตั้งไปแล้วระบบของหัวชาร์จส่งผลต่อระบบปฏิบัติการ จนทำให้แบตเตอรี่มีปัญหา กรณีนี้ก็อาจจะเคลมประกันไม่ได้ เป็นต้น

เพราะฉะนั้น เมื่อมีการติดตั้งเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่บ้าน แล้วไม่ต้องการซื้อความคุ้มครองประกันรถยนต์ EV เพิ่มเติม ก็ต้องมั่นใจว่าเครื่องชาร์จที่ติดตั้งนั้นมีมาตรฐาน ผ่านเกณฑ์ของทาง PEA และ MEA รวมถึงมาตรฐานอื่น ๆ เช่น มีมาตรฐานการกันน้ำและฝุ่น รวมถึงการประกันวินาศภัยร่วมด้วย ซึ่งกรณีนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับงบประมาณของเงินในกระเป๋าด้วย ว่าสามารถซื้อความคุ้มครองเพิ่มได้ไหม แล้วบริษัทที่รับติดตั้ง Home Charger มีความน่าเชื่อถือหรือไม่

3. ซื้อประกันรถยนต์ไฟฟ้าชั้น 1 ไว้อุ่นใจกว่า

จริงอยู่ที่ว่าประกันรถยนต์ไฟฟ้ามีหลายแบบให้เลือก แต่อย่าลืมว่าตัวรถยนต์ไฟฟ้ามีการทำงานที่ต่างจากรถยนต์สันดาป ดังนั้น เพื่อให้ผู้ใช้รถสามารถใช้รถยนต์ไฟฟ้าได้อย่างมั่นใจ แนะนำว่าให้เลือกประกันรถยนต์ชั้น 1 จะดีที่สุด เพราะมีความครอบคลุมมากกว่า รองรับความเสี่ยงได้หลายปัจจัย รวมถึงการเกิดเหตุทั้งแบบที่มีคู่กรณีและแบบไม่มีคู่กรณี นอกจากนี้ บางบริษัทประกันภัยยังมีบริการช่วยเหลือ 24 ชั่วโมง ให้กับผู้ใช้รถที่เลือกซื้อประกันชั้น 1 อีกด้วย

และข้อดีของการใช้ประกันชั้น 1 ที่เห็นได้ชัด สำหรับการใช้รถยนต์ไฟฟ้าก็คือ การใช้บริการที่ศูนย์ซ่อมบริการ เพราะรถยนต์ไฟฟ้ายังถือว่าใหม่ในตลาดรถเมืองไทย ผู้ที่สามารถแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ได้อย่างตรงจุด เข้าใจปัญหาและระบบของตัวรถได้จริง ก็คือศูนย์บริการหรือค่ายรถโดยตรง ซึ่งโดยส่วนมากแล้วประกันชั้น 1 จะสามารถใช้บริการซ่อมห้างได้ ทำให้เวลาเคลมประกันหรือการสั่งอะไหล่มีความง่ายมากกว่าอู่ข้างนอก ทั้งยังประหยัดเวลาในการรอมากกว่าเช่นกัน

ติดตั้ง Home Charger ที่มีมาตรฐาน เลือก PlugHaus

ใช้รถยนต์ไฟฟ้าได้อย่างไร้กังวล ด้วย Home Charger จาก PlugHaus

จะเห็นได้เลยว่าการเลือกซื้อประกันรถยนต์ไฟฟ้า ไม่ใช่เรื่องยากเลยแม้แต่น้อย เพียงแค่ในปัจจุบันมีเกณฑ์การประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้า จากทาง คปภ. เข้ามามีบทบาทร่วมด้วย จึงทำให้ผู้ใช้รถต้องพิจารณาการเลือกประกันรถยนต์ EV ให้มากขึ้น ทั้งเรื่องความคุ้มครองตัวรถและแบตเตอรี่ โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการติดตั้ง Home Charger ไว้สำหรับใช้งานที่บ้าน ที่อาจจะมีความกังวลว่าประกันจะคุ้มครองหรือไม่หากเกิดปัญหาขึ้น

อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้รถยนต์ EV ที่อยากจะมีเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่บ้านดีดีสักเครื่อง มีมาตรฐาน MEA และ PEA ก็สามารถเลือกติดตั้งเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้ากับทาง PlugHaus Thailand ได้เช่นกัน โดยในปัจจุบันเรามี Home Charger ให้เลือกหลากหลายรุ่น อาทิ Wallbox Pulsar Max, Wallbox Pulsar Plus, Wallbox Pulsar Pro, En+ Caro Series และ Teison Smart mini ซึ่งแต่ละรุ่นก็ออกแบบมาให้เหมาะสมกับรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ ที่สำคัญคือ มีฟังก์ชันและเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่จะช่วยให้การใช้งานง่ายและสะดวกมากขึ้น และที่ขาดไม่ได้คือ เมื่อติดตั้ง EV Charger หรือ Home Charger ไม่ว่าจะเป็นรุ่นใดก็ได้กับทาง PlugHaus คุณจะได้รับประกันวินาศภัยให้อีก 30 ล้านบาท