fbpx

ยอดจองรถ Motor Expo 2024 รวม 54,513 คัน BYD มาแรงอันดับ 2

หลังจากปิดฉากงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 41 หรือ Motor Expo 2024 ที่ผ่านมา เรียกได้ว่า ทิศทางตลาดรถยนต์ในบ้านเรามีการเปลี่ยนแปลงมากขึ้นจนเห็นได้ชัด โดยเฉพาะค่ายรถหลาย ๆ ค่าย ที่ถึงแม้จะเพิ่งเข้ามาทำตลาดในเมืองไทย แต่ก็สามารถทุบสถิติสร้างยอดจองรถในงาน Motor Expo 2024 ได้สูงหลายค่าย โดยในปีนี้ยอดจองรถยนต์ทั้งหมด ปิดยอดจองไปที่ 54,513 คัน โดยแชมป์ก็ยังคงเป็นของพี่ใหญ่อย่าง Toyota เช่นเดิม ในขณะที่ค่ายจีนอย่าง BYD กลับทำสถิติได้ดีมาก ๆ เพราะคว้ารองแชมป์ไปได้เป็นครั้งแรกหลัง ด้วยยอดจองทั้งหมด 6,971 คัน เรียกว่า งานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 41 นี้ มีเม็ดเงินที่สะพัดถึง 5.5 หมื่นล้านบาท

ยอดจองรถ Motor Expo 2024 รวม 54,513 คัน BYD มาแรงอันดับ 2

รวมยอดจองรถ Motor Expo 2024 ครั้งที่ 41

  • อันดับ 1 Toyota 8,297 คัน
  • อันดับ 2 BYD 6,917 คัน
  • อันดับ 3 HONDA 5,081 คัน
  • อันดับ 4 AION 3,668 คัน
  • อันดับ 5 MG 3,311 คัน
  • อันดับ 6 DEEPAL 2,756 คัน
  • อันดับ 7 MITSUBISHI 2,609 คัน
  • อันดับ 8 NISSAN 2,219 คัน
  • อันดับ 9 GWM 2,060 คัน
  • อันดับ 10 NETA 2,016 คัน
  • อันดับ 11 ISUZU 1,942 คัน
  • อันดับ 12 MAZDA 1,509 คัน
  • อันดับ 13 BMW 1,331 คัน
  • อันดับ 14 FORD 1,154 คัน
  • อันดับ 15 Mercedes-BENZ 1,122 คัน
  • อันดับ 16 SUZUKI 1,012 คัน
  • อันดับ 17 OMODA & JAECOO 1,008 คัน
  • อันดับ 18 ZEEKR 866 คัน
  • อันดับ 19 GEELY 766 คัน
  • อันดับ 20 XPENG 638 คัน
  • อันดับ 21 DENZA 573 คัน
  • อันดับ 22 HYUNDAI 555 คัน
  • อันดับ 23 RIDDARA 532 คัน
  • อันดับ 24 KIA 468 คัน
  • อันดับ 25 WULING 389 คัน
  • อันดับ 26 AVATR 337 คัน
  • อันดับ 27 VOLVO 330 คัน
  • อันดับ 28 MINI 230 คัน
  • อันดับ 29 TESLA 193 คัน*
  • อันดับ 30 AUDI 141 คัน
  • อันดับ 31 LEAPMOTOR 117 คัน
  • อันดับ 32 LEXUS 99 คัน
  • อันดับ 33 PORSCHE 92 คัน
  • อันดับ 34 JUNEYAO 63 คัน
  • อันดับ 35 PEUGEOT 22 คัน
  • อันดับ 36 LOTUS 20 คัน
  • อันดับ 37 MASERATI 15 คัน
  • อันดับ 38 JEEP 11 คัน
  • KING LONG / FOTON / BYD Commercial ไม่มียอด
  • อื่นๆ BRG 40 คัน

ที่มา : บริษัท สื่อสากล จำกัด ผู้จัดงาน Thailand International Motor Expo 2024 ครั้งที่ 41

สรุปยอดจองรถ Motor Expo 2024 โดยบริษัท สื่อสากล จำกัด

ยอดจองรถยนต์ไฟฟ้า BYD Motor Expo 2024 ทุบสถิติคว้ารองแชมป์ปีนี้!

สำหรับค่ายรถยนต์ไฟฟ้าจากจีนอย่าง BYD เอง ก็ถือว่าทำสถิติได้ดีมาก ๆ ในงาน Motor Expo 2024 ปีนี้ เพราะสามารถคว้ารองแชมป์ไปได้ ล้มเจ้าตลาดอย่าง Honda ที่ในแต่ละปีจะมียอดจองเป็นรองลงมาจาก Toyota เสมอมา เรียกว่าเป็นรองเจ้าตลาดตลอดกาลก็ว่าได้ แต่ในปีนี้ทาง BYD กลับแซงหน้าได้อย่างสวยงาม ด้วยยอดจองรถยนต์ไฟฟ้า ในงาน Motor Expo 2024 ถึง 6,971 คัน

และถึงแม้ว่าในช่วงที่ผ่านมา จะมีการประกาศหั่นราคาของ BYD Dolphin แต่ก็ยังคงเป็นรุ่นที่มียอดจองสูงมาก ๆ เพราะยอดจอง BYD Dolphin หลังลดราคา ในงานมหกรรมยานยนต์นั้น มียอดจองทั้งหมด 1,189 คัน เป็นรองเพียงแค่รุ่น Sealion 7 ที่มียอดจองสูงสุดของค่าย BYD

ทั้งนี้ ยอดรถยนต์ไฟฟ้าในงาน ทั้งของ BYD และ DENZA ในงาน Motor Expo 2024 มีทั้งหมด 7,042 + 573 รวม 7,615 คัน ได้แก่

  • อันดับ 1 : BYD Sealion7 3,853 คัน (50.6%)
  • อันดับ 2 : BYD Dolphin 1,189 คัน (15.6%)
  • อันดับ 3 : BYD Sealion6 863 คัน (11.3%)
  • อันดับ 4 : Denza D9 573 คัน (7.5%)
  • อันดับ 5 : BYD Atto3 446 คัน (5.9%)
  • อันดับ 6 : BYD M6 366 คัน (4.8%)
  • อันดับ 7 : BYD Seal 325 คัน (4.3%)

หมายเหตุ : ยอดจองของทาง BYD ทั้งหมด จะอยู่ที่ 7,042 คัน เมื่อรวมกับแคมเปญภายในงาน โดยยอดจองที่สรุปจากทาง Motor Expo 2024 เป็นตัวเลขที่ได้จากการคำนวณรายการส่งเสริมการขาย “ซื้อรถ ชิงรถ”

ทิศทางตลาดรถ EV ในไทย หลังจบงาน Motor Expo 2024

หลังจากจบงานมหกรรมยานยนต์ หรือ Motor Expo 2024 ครั้งที่ 41 ไปแล้ว จะเห็นได้เลยว่า ทิศทางของ ตลาดรถ EV ในไทย มีการเปลี่ยนแปลงพอสมควร โดยเฉพาะเทรนด์ของรถยนต์ไฟฟ้าที่นอกจากจะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นแล้ว มาตรการต่าง ๆ ของทางรัฐบาล ก็ยังส่งผลให้ผู้บริโภคตัดสินใจเลือกใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น โดยปัจจัยที่จะทำให้ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าเติบโตได้ในปี 2568 ที่จะถึงนี้ ก็มีหลายปัจจัยเช่นกัน

1. ราคารถและต้นทุนการผลิตที่ลดลง

หากลองสังเกตแล้วจะเห็นได้เลยว่า ในปัจจุบันนี้ราคารถยนต์ไฟฟ้า ไม่ว่าจะเป็น Segment ใด ๆ ต่างก็มีการปรับราคาลดลงจากเดิม ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากราคาแบตเตอรี่ที่ถูกลง ทำให้ต้นทุนการผลิตลดลงตามไปด้วย การปรับราคาเพื่อแข่งขันกันในตลาดจึงเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ค่ายรถยนต์เลือกใช้ นอกจากนี้ ผู้ผลิตรถยนต์หลาย ๆ แบรนด์ ต่างก็หันมาลุยตลาดรถ EV มากขึ้น ทั้งการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ ๆ รวมถึงการพัฒนานวัตกรรมยานยนต์ด้วย ยิ่งบวกกับเทรนด์รักษ์โลกในปัจจุบัน ก็ยิ่งส่งผลให้ตลาดรถ EV เติบโตมากขึ้นในปี 2568

2. มีรุ่นรถหลากหลายให้เลือกสรร

หากเป็นแต่ก่อนเราจะคุ้นชินกับรถยนต์ไฟฟ้าประเภทรถเก๋ง 4 ประตู หรือรถกลุ่ม Crossover แต่ในปัจจุบันมีการพัฒนาแบตเตอรี่พร้อมตัวรถให้หลากหลายมากขึ้น เข้ากับบริบทการใช้งานในหลาย ๆ ประเทศ โดยเฉพาะในประเทศไทยที่จะใช้รถเพื่อการประกอบอาชีพ หรือใช้ในเชิงพาณิชย์เป็นหลัก จึงทำให้มีรถหลากหลายประเภทเปิดตัวพร้อมจัดจำหน่ายในราคาที่เทียบเท่ากับรถยนต์สันดาป อาทิ รถกระบะไฟฟ้า 100% ที่ล่าสุดก็มีการเปิดตัวพร้อมวางจำหน่ายในประเทศไทยแล้วเช่นกัน โดยรถกระบะไฟฟ้าคันแรกที่เข้ามาบุกตลาดก็คือ RIDDARA RD6 ที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน Motor Expo 2024 ที่ผ่านมานี้

3. พื้นที่ให้บริการชาร์จไฟรถ EV ครอบคลุมทั่วประเทศ

ถึงแม้ว่าในบางพื้นที่จุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าอาจจะไม่ได้หนาแน่นเทียบเท่ากับในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ในปัจจุบันมีการขยายพื้นที่ให้บริการ EV Charger Station จุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า หรือ สถานีชาร์จรถไฟฟ้า กันอย่างกว้างขวางมากขึ้นในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็น Evolt, PTT EV Station, PEA Volta, MEA, EA Anywhere หรือแม้แต่ EleX by EGAT ที่ก็มีจุดชาร์จครอบคลุม และมีแอปพลิเคชันค้นหาจุดชาร์จรถไฟฟ้าที่ใช้งานง่าย สามารถค้นหาพื้นที่บริการได้อย่างครอบคลุม

ทิศทางตลาดรถ EV ในไทย หลังจบงาน Motor Expo 2024

อย่างไรก็ตาม จากการปิดฉลากงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 41 หรือ Motor Expo 2024 ที่ผ่านมา นอกจากจะทำให้เห็นทิศทางของตลาดรถยนต์ในเมืองไทยได้กว้างมากขึ้นแล้ว ยังทำให้เห็นด้วยว่า พฤติกรรมของผู้ใช้รถเริ่มเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน โดยเฉพาะยอดจองรถยนต์ไฟฟ้า ที่นอกจากค่าย BYD จะทะยานขึ้นเป็นอันดับ 2 แล้ว ค่ายอื่น ๆ ก็มียอดจองที่สูงและได้รับความนิยมไม่แพ้กัน อาทิ DEEPAL, GWM, AION และ NETA ที่ติด Top 10 ยอดจองสูงสุดในงาน Motor Expo 2024 ในปีนี้ ซึ่งก็ช่วยเป็นเครื่องการันตีได้เช่นกันว่า ทิศทางของตลาดรถ EV ในเมืองไทยเป็นไปในทิศทางที่ดี และผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นต่อรถยนต์ EV มากขึ้นเช่นกัน

รีวิว Leapmotor C10 เผยโฉมครั้งแรกในงาน Motor Expo 2024

เรียกว่า เป็นอีกหนึ่งรถยนต์ไฟฟ้า 100% ที่มาแรงและติด Top การค้นหามากที่สุดในช่วงนี้เลยก็ว่าได้ สำหรับเจ้า “Leapmotor C10” รถยนต์แบรนด์จีนที่อยู่ในเครือของ Stellantis ที่คนรักรถต้องรู้จัก ไม่ว่าจะเป็น Jeep, Peugeot, Opel, RAM, Alpha Remeo และ Maserati ซึ่งในครั้งนี้ก็ถึงคิวของ Leapmotor C10 SUV 5 ที่นั่ง ที่จะมาบุกตลาดรถ EV ในเมืองไทยอย่างเป็นทางการ พร้อมเผยโฉมครั้งแรกในงาน Thailand International Motor Expo 2024 และงานนี้ก็ไม่ได้มีแค่การเผยโฉมพร้อมสเปกเท่านั้น แต่ยังประกาศราคาจำหน่าย โดยเริ่มต้นที่ 1,098,000 บาท (นำเข้า CBU)

Review Leapmotor C10 รถไฟฟ้า SUV 5 ที่นั่ง และสเปก

จุดเด่นของ Leapmotor C10 รถ SUV 5 ที่นั่ง

สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า Leapmotor C10 ถือว่าเป็นอีกหนึ่งรถ SUV หรือรถอเนกประสงค์ 5 ที่นั่ง ที่ถูกออกแบบมาให้ใช้งานได้อย่างอรรถประโยชน์ โดยเฉพาะพื้นที่สัมภาระและความกว้างของห้องโดยสาร ที่น่าจะตอบโจทย์ผู้ใช้รถหลายกลุ่ม มีจุดเด่นหลายอย่างที่น่าสนใจ โดยเฉพาะฟังก์ชันการใช้งาน สเปกของตัวรถ และอุปกรณ์ภายในที่ครบครัน อาทิ ระบบการชาร์จแบบไร้สาย หรือ Wireless Charger หรือแม้แต่การควบคุมรถระยะไกลผ่านทางแอปฯ นอกจากนี้ ยังมีระบบปฏิบัติการ LEAP OS 4.0 ที่จะทำให้การใช้งานง่ายยิ่งขึ้น เรียกว่า เป็นอีกหนึ่งรถยนต์ไฟฟ้า 2024 – 2025 ในกลุ่ม SUV ที่น่าสนใจ และน่าใช้งานอีกหนึ่งรุ่น

Review Leapmotor C10 and Specs

Highlight ของ Leapmotor C10 เข้าไทยครั้งแรกส่งท้ายปี!

  • การออกแบบระหว่างเส้นสายแนวนอนและความโค้งที่มีความลงตัว
  • ใช้ไฟหน้า LED แบบ “Angle – Wing” ที่มาพร้อมกับ DRL แบบ Sequential
  • มีระบบ Active Grille Shutter (AGS) ที่เพิ่มประสิทธิภาพของแอโรไดนามิกได้ดั
  • ล้ออัลลอยลาย Trident ที่ช่วยเพิ่มลวดลายให้ดูโดดเด่นมากขึ้น
  • ใช้ชิป Qualcomm Snapdragon 8115 พร้อม Leap OS 4.0
Review Leapmotor C10 and Specs

มิติตัวถัง

  • ยาว x กว้าง x สูง (มม.) 4,739 x 1,900 x 1,680
  • ระยะฐานล้อ 2,825 มม.
  • ระยะจากพื้นถึงใต้ท้องรถ 190 มม.
  • พื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลัง 435 – 900 ลิตร (เมื่อพับเบาะหลัง)
  • น้ำหนักตัวรถ 1,980 กก.
รีวิว Leapmotor C10 ภายในห้องโดยสาร

อุปกรณ์และฟังก์ชันภายในตัวรถ

  • แผงหน้าปีดแบบบุนุ่ม หุ้มด้วยหนัง Soft Touch
  • มือจับแผงบุหลังคา พร้อมกับฟังก์ชันลดแรงสั่นสะเทือน
  • ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ 2 โซน
  • เบาะนั่งคนขับปรับด้วยไฟฟ้า มาพร้อมกับ Welcome Seat
  • เบาะนั่งคู่หน้า ที่มีระบบทำความร้อนและระบายอากาศในตัว
  • ไฟตกแต่งภายในกะพริบเป็นจังหวะ มีถึง 64 สี สร้างสีสันภายในห้องโดยสาร
  • จอ Infotainment ขนาด 14.6 นิ้ว พร้อมระบบคำสั่งเสียง OTA
  • หน้าจอแสดงข้อมูลขนาด 10.2 นิ้ว พร้อมกล้อง 360 องศา
  • ใช้เบาะซิลิโคนที่ผ่านการรับรอง OEKO – Tex Standard 100 ปลอดภัยต่อเด็กทารก
  • มีหลังคาก Panoramic Sunroof ขนาด 2.1 ตารางเมตร
  • ระบบเสียงรอบทิศทาง พร้อมกับลำโพง 12 ตัว
  • ใช้กุญแจ NFC
รีวิว Leapmotor C10 ภายนอกพร้อมไฟ Light Bar

ระบบความปลอดภัยและ Safety

  • ไฟควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (HDC)
  • ฟังก์ชันไดนามิกเบรก (DBF) และระบบเบรกโอเวอร์ไรด์ (BOS)
  • ระบบช่วยควบคุมการทท่รงตัวขณะออกตัวบนทางลาดชัน (HHC)
  • ระบบป้องกันการพลิกคว่ำ (ARP)
  • ระบบป้องกันรถไหลอัตโนมัติ (AVH)
  • ระบบช่วยหยุดรถเมื่อเกิดอุบัติเหตุ (MCB)
  • ถุงลมนิรภัย พร้อมม่านถุงลงนิรภัยแถว 1 และ 2 (ซ้ายและขวา)
  • ระบบล็อกป้องกันเด็กเปิดประตูแบบ 2 ชั้น
  • ระบบแจ้งเตือนเมื่อลืมปิดประตู
  • การปลดล็อกอัตโนมัติเมื่อเกิดการชน
  • ระบบการควบคุมให้รถอยู่ในเลน (LKA)
  • ระบบการควบคุมความเร็วอัจฉริยะ (ISA)
  • การแจ้งเตือนเมื่อพบว่าคนขับเกิดภาวะง่วงซึม (DDAW)
  • ฯลฯ

สเปกและแบตเตอรี่ พร้อมการชาร์จไฟของตัวรถ

Leapmotor C10 ใช้ระบบการขับเคลื่อนล้อหลัง RWD มอเตอร์ไฟฟ้า Permanent Magnet Synchronous Motor โดยมีพละกำลังที่สูงถึง 160 กิโลวัตต์ หรือ 218 แรงม้า (PS) โดยมีแรงบิดสูงสุดที่ 320 นิวตันเมตร นอกจากนี้ ยังพ่วงด้วยแบตเตอรี่ Lithium – ion ที่ความจุ 69.9 kWh รองรับการชาร์ด้วยหัวชาร์จ Type 2 / CCS Combo ซึ่งหากชาร์จด้วย AC Charger (ไฟฟ้ากระแสสลับ) จะรองรับสูงสุดอยู่ที่ 6.6 kW แต่หากเป็นการชาร์จด้วย DC Charger สามารถรองรับการชาร์จได้ถึง 84 kW (ชาร์จจาก 30 – 80% ในเวลาเพียง 30 นาที) ซึ่งระยะทางวิ่งสูงสุดจะอยู่ที่ 477 กิโลเมตร (มาตรฐาน NEDC) ส่วนความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 170 กม./ชม.

 รีวิว Leapmotor C10 ภายในห้องโดยสาร

สีตัวถังและสีภายในห้องโดยสาร

สีตัวถัง

  • สีเขียว Glazed Green
  • สีดำ Metallic Black
  • สีขาว Pearly White
  • สีเทา Canopy Grey
  • สีเทา Tundra Grey

สีภายในห้องโดยสาร

  • สีน้ำตาล Criollo Brown
  • สีดำ Midnight Aurora
ราคาจำหน่าย Leapmotor C10 ในไทย

ราคาจำหน่าย Leapmotor C10 อยู่ที่ 1,098,000 บาท

สำหรับราคาจำหน่ายของ Leapmotor C10 69.9 kWh Rear – Wheel Drive มีราคาอยู่ที่ 1,098,000 บาท ซึ่งเป็นรุ่นที่นำเข้า CBU มาในไทย แต่ที่พิเศษมากกว่าคือ ลูกค้าที่สนใจออกรถในช่วงนี้ และเป็นลูกค้าที่จองรถ 200 ท่านแรก จะได้รับส่วนลดในแคมเปญพิเศษสูงสุดถึง 120,000 บาท

  • เบี้ยประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี
  • Home Charger พร้อมบริการติดตั้งฟรี
  • บริการจดทะเบียนรถใหม่
  • บริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนนฟรี 5 ปี
  • แพ็กเกจบำรุงรักษาตัวรถนานสูงสุด 5 ปี
  • ฟรีที่ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าแบบพกพา
  • รับประกันคุณภาพรถ 5 ปี หรือ 100,000 กม.
  • รับประกันแบตเตอรี่นาน 8 ปี หรือ 160,000 กม.

จะเห็นได้เลยว่า Leapmotor C10 เป็นหนึ่งในรถ SUV 5 ที่นั่ง ที่ออกแบบมาได้อย่างลงตัว และมีความ Luxury สูงมาก ๆ ซึ่งหากเทียบกับกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้า 100% ที่จำหน่ายในไทยอยู่ในตอนนี้ ก็จะอยู่ในไทป์เดียวกันกับ Deepal S07, BYD Sealion7, KIA EV5 และ AION V ที่มีขนาดตัวรถที่ใกล้เคียงกัน และหากเทียบกับราคาจำหน่าย พร้อมโปรโมชั่นในช่วงแคมเปญนี้ ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งในรถยนต์ EV ที่น่าใช้งานในปี 2025 นี้อีกหนึ่งรุ่น

เพราะนอกจากจะมีสเปกดีมาก ๆ แล้ว เรื่องฟังก์ชันภายในก็ถือว่าครบครัน รวมถึงระบบความปลอดภัยและการใช้งานภายในรถ ก็มีหลายฟังก์ชันที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็น ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน, ระบบป้องกันการพลิกคว่ำ, ระบบเบรก BOS ซึ่งเมื่อใช้งานควบคู่กับช่วงล่างด้านหน้าแบบ McPherson Strut และช่วงล่างด้านหลังแบบ Multi – Link ก็ยิ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่ได้ดียิ่งขึ้นตามไปด้วย และหากคนรักรถ EV อยากยลโฉม Leapmotor C10 ที่เข้าไทยเป็นครั้งแรกเพื่อบุกตลาดรถ EV ปี 2025 นี้ ก็สามารถเข้าไปชมพร้อมรับสิทธิพิเศษได้ที่งาน Motor Expo 2024 ได้เลย!