มาตรฐานความปลอดภัย ASEAN NCAP คืออะไร ทำไมคนใช้รถต้องรู้จัก

หลังจากที่มีกระแสข่าวการทดสอบมาตรฐานของ NETA V รถยนต์ไฟฟ้าราคาสุดประหยัด ในด้านมาตรฐานการชนของ ASEAN NCAP ที่ได้คะแนนการทดสอบไป 0 ดาว ก็ทำให้มาตรฐานความปลอดภัย NCAP ได้รับการพูดถึงมากขึ้น เพราะฉะนั้น เราจะพาคุณมารู้จักกับมาตรฐานดังกล่าวนี้กันให้มากขึ้นว่า ASEAN NCAP คืออะไร มีการทดสอบอะไรบ้าง แล้วมีความสำคัญอย่างไรต่อผู้ใช้รถ

มาตรฐานความปลอดภัย NCAP Rating การชน

รู้จักมาตรฐานความปลอดภัย ASEAN NCAP คืออะไร?

คำว่า NCAP (New Car Assessment Program) คือ โครงการประเมินรถยนต์ใหม่ ที่จะใช้ทดสอบและประเมินความปลอดภัยของรถยนต์ โดยจะทำการทดสอบในหลาย ๆ ด้าน ที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัย โดยการทดสอบ “การชน” ที่จะทำให้เห็นถึงการทำงานของระบบต่าง ๆ ภายในรถ อาทิ การทดสอบเรื่องระบบช่วยเบรกฉุกเฉิน ระบบการเตือนการชน ระบบควบคุมความเร็วโดยอัตโนมัติ ฯลฯ รวมถึงการปกป้องผู้โดยสารและผู้เดินถนน ซึ่งจะมีการประเมินในสัดส่วนที่แตกต่างกันออกไป

โดยมาตรฐาน NCAP ที่คุ้นชินกันมากที่สุด คือ EURO NCAP ที่ภูมิภาคยุโรปใช้ ในขณะที่ภูมิภาคออสเตรเลียและนิวซีแลนด์จะเรียกกันว่า AUSTRALASIAN NCAP และทางด้านภูมิภาคอาเซียนของเรา ได้แก่ ประเทศไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย จะใช้มาตรฐาน ASEAN NCAP ที่เริ่มใช้ทดสอบรถมานับตั้งแต่ปี 2011 เป็นต้นมา

การทดสอบ Tesla Model Y โดย EURO NCAP

รูปแบบการทดสอบรถ ด้วยคะแนน NCAP Rating

ในการทดสอบ NCAP ไม่ว่าจะเป็นของภูมิภาคใด ๆ ก็ตาม หลักการทดสอบจะนำรถที่จำหน่ายมาทดสอบร่วมกับหุ่นจำลองคล้ายมนุษย์ เพื่อแทนที่ผู้โดยสารที่เป็นผู้ใหญ่และเด็ก ซึ่งในการทดสอบการชน จะแบ่งการทดสอบออกเป็น 4 ส่วนหลัก ๆ พร้อมการระบุสีจากการทดสอบการชน โดยสีเขียวคือปลอดภัย สีเหลืองคือดี สีส้มคือพอใช้ สีน้ำตาลคือต่ำ และสีแดงคือต่ำมาก

  • การปกป้องผู้โดยสารผู้ใหญ่ หรือ AOP (Adult Occupant Protection) คิดเป็น 40%
  • การปกป้องผู้โดยสารเด็ก หรือ COP (Child Occupant Protection) คิดเป็น 20%
  • การปกป้องคนเดินเท้าหรือคนเดินถนน (Vulnerable Road Users Protection) คิดเป็น 20%
  • ระบบความปลอดภัยขั้นสูง (Advanced Safety Assistance) คิดเป็น 20%

ในการทดสอบของ NCAP จะมีการประเมินคุณภาพและให้คะแนน NCAP Rating ทั้งหมด 5 ระดับ โดยแทนคะแนนด้วยรูปดาว ซึ่งคะแนน 5 ดาว จะหมายถึงรถยนต์ที่มีความปลอดภัยสูง อาทิ ในการทดสอบรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model Y 2022 โดย EURO NCAP ได้รับดาวทั้งหมด 5 ดวง ในขณะที่หากเทียบกับการทดสอบของ Neta V โดย ASEAN NCAP ที่เป็นประเด็นนั้น อยู่ในระดับ 0 ดาว โดยสัดส่วนของคะแนนถือว่าน้อยมาก ๆ เพราะสามารถทำคะแนนรวมไปได้ทั้งหมดเพียง 28.55 คะแนนเท่านั้น

การทดสอบ Neta V โดย ASEAN NCAP

ความสำคัญของมาตรฐานการชน NCAP ต่อยานยนต์

  • ทำให้เห็นถึงมาตรฐานความปลอดภัย เพราะ NCAP ถือเป็นมาตรฐานสากลในการควบคุมคุณภาพของรถยนต์ทุกประเภท ทำให้ผู้บริโภคสามารถเทียบระดับความปลอดภัยของรถยนต์ได้
  • ช่วยให้ตัดสินใจซื้อรถยนต์ได้ง่ายขึ้น เพราะในการใช้รถต้องคำนึงถึงระบบความปลอดภัยเป็นหลัก รวมถึงการปกป้องทั้งผู้ใช้และผู้ร่วมถนน เช่น หากเกิดเหตุไม่คาดฝันต้องสามารถลดความเสียหายต่อชีวิตได้ เป็นต้น
  • ช่วยผลักดันให้ผู้ผลิตเห็นพัฒนารถที่มีคุณภาพและปลอดภัย ซึ่งก็ถือเป็นอีกหนึ่งแรงกดดันที่จะทำให้ผู้ผลิตรถยนต์ตระหนักถึงความสำคัญในด้านความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ส่งผลดีต่อผู้ขับขี่โดยตรง
  • เพิ่มความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน เพราะผู้บริโภคสามารถเลือกรถที่มีความปลอดภัย ในงบที่ตัวเองเอื้อมถึงได้
  • เพิ่มความเชื่อมั่นต่อผู้บริโภค โดยเฉพาะรถยนต์ที่ได้รับคะแนน NCAP Rating อยู่ในเกณฑ์ที่ดีและปลอดภัย จะได้รับความเชื่อมั่นต่อผู้บริโภคมากกว่า คุ้มค่าต่อการลงทุน เพราะผู้ขับขี่จะต้องคำนึกถึงความปลอดภัยเป็นอันดับแรก มากกว่าการเลือกรถที่มีฟังก์ชันเด่น ๆ หรือเทคโนโลยีภายในรถ

ก่อนซื้อรถยนต์ไฟฟ้า EV อย่าลืมดูมาตรฐาน NCAP ทุกครั้ง

ถึงแม้ว่ามาตรฐาน ASEAN NCAP และ EURO NCAP ยังไม่ได้มีการบังคับหรือว่ามีผลตามกฎหมายในการจำหน่ายรถยนต์ในประเทศไทย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นอีกหนึ่งมาตรฐาน ที่ผู้ใช้รถควรนำมาเป็นแนวทางในการเลือกใช้รถยนต์ หรือการเลือกซื้อรถใหม่ในครั้งต่อไป โดยเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้า EV ที่ตัวแบตเตอรี่เองก็มีราคาสูงเกือบ 50% ของราคารถ ที่หากมีมาตรฐาน NCAP มาช่วยสร้างความเชื่อมั่นในด้านความปลอดภัย ก็น่าจะช่วยเพิ่มความมั่นใจในการใช้รถได้ไม่มากก็น้อย