fbpx

เตรียมตัวให้พร้อมก่อนติดตั้ง Home Charger สำหรับชาร์จรถ EV ที่บ้าน

การติดตั้งเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่บ้าน หรือการติดตั้ง Home Charger ที่สามารถรองรับการชาร์จไฟของรถยนต์ไฟฟ้าทุก ๆ ประเภทนั้น สิ่งที่สำคัญมาก ๆ ไม่แพ้การเลือกยี่ห้อหรือเครื่องชาร์จรถ EV ก็คือการเตรียมความพร้อมก่อนการติดตั้งเครื่องชาร์จไฟ ทั้งระบบไฟฟ้าภายในบ้าน รวมถึงการใช้มิเตอร์ที่เหมาะสม ซึ่งทาง PlugHaus Thailand จะมาสรุปให้คุณดูกัน ว่าก่อนติดตั้งเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่บ้าน มีอะไรบ้างที่ควรเตรียมให้พร้อม

ขั้นตอนการเตรียมความพร้อม เพื่อติดตั้ง Home Charger

ก่อนที่จะติดตั้ง Home Charger หรือ เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่บ้าน สิ่งที่สำคัญเป็นอันดับแรก ๆ คือ ทำความเข้าใจกับระบบไฟฟ้าภายในบ้าน ว่าระบบไฟที่ใช้อยู่สามารถรองรับการใช้งานเครื่องชาร์จรถ EV หรือไม่ หากไม่รองรับต้องดำเนินการอย่างไรเพิ่มเติมบ้าง เพื่อให้ระบบไฟฟ้าไม่มีปัญหา และมีความปลอดภัยในการใช้งาน EV Charger

ขั้นตอนการเตรียมความพร้อม เพื่อติดตั้ง Home Charger ที่บ้าน

1. ตรวจสอบประเภทหัวปลั๊กของรถ EV

ขั้นตอนแรกที่สำคัญมาก ๆ ของการติดตั้ง Home Charger คือ ต้องรู้ก่อนว่าหัวปลั๊กของรถยนต์ที่ใช้เป็นแบบไหน เพื่อให้รู้ว่าต้องเลือกเครื่องชาร์จแบบไหน กำลังไฟเท่าไหร่ ระบบไฟฟ้าในบ้านต้องเป็นยังไง ซึ่งหัวปลั๊กของรถ EV ในปัจจุบันนี้ จะมีหัวชาร์จที่ใช้ทั้งหมด 2 รูปแบบหลัก ๆ ที่ใช้สำหรับการชาร์จไฟที่บ้าน ด้วยระบบ AC Charger (ไฟฟ้ากระแสสลับ) ได้แก่

  • Type 1 ส่วนมากเป็นรถญี่ปุ่นและอเมริกา มีหัวต่อแบบ 5 Pin เป็นการชาร์จไฟ 1 เฟส รองรับกระแสไฟฟ้าได้สูงสุดอยู่ที่ 32A หรือ 7.2 kWh เช่น Nissan Leaf และ Tesla
  • Type 2 ส่วนมากเป็นรถยุโรป มีหัวต่อแบบ 7 Pin จ่ายไฟอยู่ที่ 3.7 kWh แต่บางแบรนด์สามารถจ่ายได้มากถึง 11 – 22 kWh เช่น BYD, GMW, Mercedes-Benz, BMW, Volvo, Porsche และ Tesla

โดยส่วนมากแล้วหัวชาร์จที่รถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยใช้ในปัจจุบัน จะเป็นแบบ Type 2 เพราะฉะนั้น การเลือกติดตั้ง EV Charger ก็สามารถเลือกรุ่นที่เป็นหัวชาร์จ Type 2 ได้เลย สำหรับรถ EV รุ่นใหม่ ๆ ที่จำหน่ายในเมืองไทย เช่น Tesla Model Y 2023 ที่ใช้หัวชาร์จ AC Type 2 แต่หากเป็นการชาร์จแบบ DC Charger (ไฟฟ้ากระแสตรง) จะใช้หัวชาร์จแบบ CSS2

ความแตกต่างของหัวชาร์จ EV Type 1 และ Type 2

2. พิจารณาความสามารถการรับไฟของ On Board Charger

ก่อนจะติดตั้ง EV Charger ที่บ้าน ก็ต้องดูก่อนว่า On Board Charger หรือเครื่องชาร์จที่มากับตัวรถนั้น สามารถรับไฟได้ขนาดไหนบ้าง เพื่อเลือกเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่มีกำลังไฟใกล้เคียงกัน โดยกำลังไฟจะสามารถแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่

  • 6kW เช่น MG ZS, Ora Good Cat และ BYD ATTO 3
  • 11kW เช่น Volvo XC40, Tesla Model 3, BMW iX3 และ Mini Cooper SE 2024
  • 22kW เช่น Porsche Taycan และ Audi e-tron GT

3. ตรวจเช็กของขนาดมิเตอร์ไฟฟ้าที่บ้าน

วิธีการสังเกตว่าขนาดมิเตอร์ไฟฟ้าที่ใช้อยู่เป็นแบบไหน ให้ดูข้อความตรงมิเตอร์ที่เขียนว่า “Phase” หรือ “Type” ซึ่งบ้านที่สร้างมานานแล้วมักจะเป็นบ้านที่ใช้ไฟแบบ Single-Phase 5(15)A หรือ Single-Phase 15(45)A แต่ตามมาตรฐานการติดตั้งเครี่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่บ้าน การไฟฟ้าจะแนะนำให้ใช้มิเตอร์ไฟฟ้าที่มีขนาด Single-Phase 30(100)A หรือ 3-Phase 15(45)A

เพราะฉะนั้น หากลองตรวจเช็กดูแล้วว่ามิเตอร์ไฟฟ้าที่บ้านไม่รองรับหรือมีกำลังไฟไม่เพียงพอ ก็ต้องทำการแจ้งขอเปลี่ยนขนาดมิเตอร์ที่การไฟฟ้าก่อน หรือบางกรณีอาจจะขอติดตั้งมิเตอร์ TOU ไปด้วยเลยก็ได้ สำหรับเอกสารที่ใช้ในการขอเปลี่ยนมิเตอร์นั้น ประกอบไปด้วย

  • สำเนาทะเบียนบ้านที่ขอติดตั้งมิเตอร์ไฟฟ้า
  • สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน
  • เอกสารแสดงกรรมสิทธิ์ครอบครองสถานที่ใช้ไฟฟ้า
  • บิลค่าไฟฟ้า (3 – 4 เดือนย้อนหลัง)
  • ข้อมูลหรือสเปกรถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้ (สำหรับประเมินกำลังไฟที่เพียงพอ)
  • ใบมอบอำนาจ หรือสำเนาบัตรประชาชนของผู้รับมอบ (กรณีดำเนินการแทนเจ้าบ้าน)

4. ตรวจเช็กขนาดสายไฟเมน

นอกเหนือจากการเช็กมิเตอร์ไฟฟ้าว่าพร้อมต่อการติดตั้ง EV Charger หรือไม่แล้ว ก็ต้องเช็กขนาดสายไฟเมนหรือขนาดสายไฟที่เชื่อมมายังตู้ควบคุมด้วย ซึ่งขนาดที่ควรใช้คือขนาด 25 ตร.มม. และสำหรับตู้ Main Circuit Breaker หรือตู้เมนเบรกเกอร์ ก็ควรใช้ตู้ที่รองรับกระแสไฟฟ้าได้สูงสุดไม่เกิน 100 A เช่นกัน

5. ตรวจเช็กเครื่องตัดไฟรั่ว

แน่นอนว่าการใช้ไฟฟ้านั้นยังมีข้อควรระวังหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น ไฟฟ้าลัดวงจร หรือการเกิดเหตุการณ์ณืที่ไม่คาดฝัน อาทิ ฟ้าผ่า ที่อาจส่งผลให้เกิดไฟดูดได้ ดังนั้น อีกหนึ่งอุปกรณ์ที่จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าทุกชนิด ทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน รวมถึง Home Charger ก็คือ การติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันไฟฟ้ารั่ว (RCD) ซึ่งมาตรฐานทั่วไปคือต้องมีพิกัดกระแสไฟฟ้ารั่วไม่เกิน 30 mA และสามารถตัดไฟได้ภายในเวลา 0.04 วินาที เมื่อมีไฟรั่ว 5 เท่าของพิกัด

ส่วนการเลือกติดตั้งเครื่องชาร์จรถไฟฟ้า หากรุ่นที่เลือกติดตั้งมีระบบตัดไฟอยู่แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องติดตั้ง RCD เพิ่มก็ได้เช่นกัน ส่วนเต้ารับควรใช้แบบ 3 รู และมีหลักดินแยก ซึ่งรายละเอียดตรงนี้ทางผู้ให้บริการติดตั้งเครื่องชาร์จรถไฟฟ้า จะเป็นผู้ตรวจสอบและให้คำแนะนำก่อนติดตั้งเสมอ

6. เลือกจุดสำหรับติดตั้ง Home Charger ที่บ้าน

การเลือกพื้นที่สำหรับติดตั้ง Home Charger ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใด ๆ ก็ตาม จุดที่ติดตั้งเครื่องชาร์จไปจนถึงจุดเสียบหัวชาร์จเข้ากับตัวรถ ควรมีระยะห่างไม่เกิน 5 เมตร เพราะปกติแล้วสายชาร์จจะมีความยาวสายอยู่ที่ 5 – 7 เมตรเท่านั้น (ขึ้นอยู่กับรุ่น) และการเดินสายไฟก็ไม่ควรไกลจากตู้ควบคุมไฟฟ้าด้วยเช่นกัน

ที่สำคัญคือ ไม่ว่าเครื่องชาร์จจะมีมาตรฐานกันน้ำและฝุ่นละอองที่ IP เท่าไหร่ก็ตาม ก็ควรติดตั้งเครื่องชาร์จในพื้นที่ร่มและอยู่ใต้หลังคา เพื่อการใช้งานที่ยาวนานและความปลอดภัยของผู้ใช้รถ แต่หากต้องการติดตั้ง EV Charger ที่คอนโด จะต้องทำการติดต่อที่นิติบุคคลก่อน ว่าสามารถดำเนินการได้หรือไม่

ติดตั้ง Home Charger ที่มีมาตรฐาน เลือก PlugHaus

ติดตั้ง Home Charger ที่บ้าน เลือก PlugHaus Thailand

สำหรับผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า หรือรถยนต์ EV ที่ต้องการติดตั้ง Home Charger หรือ เครื่องชาร์จรถไฟฟ้าที่บ้าน แล้วยังไม่รู้ว่าจะเลือกติดตั้งกับผู้ให้บริการที่ไหนดี สามารถเลือกติดตั้งกับทาง PlugHaus Thailand ได้แล้ววันนี้ ด้วยทีมงานที่มากประสบการณ์ และวิศวกรที่ผ่านการรับรอง ด้วยมาตรฐานการติดตั้งจาก PEA และ MEA ที่พร้อมจะให้ข้อมูลด้านการชาร์จที่ครอบคลุม พร้อมกับตรวจสอบความพร้อมของพื้นที่ติดตั้งให้อย่างละเอียด เพื่อสร้างประสบการณ์และการใช้งาน เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ที่ดีที่สุดให้กับผู้ใช้รถทุกคน ไม่ว่าจะเป็นบ้านแบบ 1 เฟส หรือ 3 เฟส ก็สามารถติดตั้งได้อย่างปลอดภัยและใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

เซฟค่าไฟฉบับกูรู​ ด้วย “มิเตอร์ไฟฟ้า TOU”​ ที่คนใช้รถ EV ต้องรู้จัก

ในช่วงหน้าร้อนที่ผ่านมา เชื่อว่าหลาย ๆ บ้าน คนเผชิญกับปัญหาค่าไฟแพงขึ้นเป็นเท่าตัว ยิ่งถ้าใครเป็นคนใช้รถยนต์ไฟฟ้าด้วยแล้ว ก็คงจะอยากเซฟค่าไฟให้มากขึ้น ด้วยการเปลี่ยนมาใช้ “มิเตอร์ TOU” ซึ่งเป็นมิเตอร์ไฟฟ้าทางเลือกที่หลาย ๆ คนสนใจ เพราะฉะนั้น ทาง PlugHaus Thailand จะพาคุณมาทำความรู้จักกับมิเตอร์ไฟฟ้า TOU ให้มากขึ้น ว่าคืออะไร แล้วคุ้มไหมถ้าจะติดตั้งมิเตอร์ชนิดนี้แทนมิเตอร์ปกติที่ใช้อยู่

การใช้มิเตอร์ TOU สำหรับคนใช้รถยนต์ไฟฟ้า

มิเตอร์ TOU คืออะไร?

มิเตอร์ TOU (Time Of Use Tariff หรือ Time Of Use Rate) คือ มิเตอร์ไฟฟ้าในรูปแบบดิจิทัล ที่จะใช้วิธีการคิดค่าไฟตามช่วงเวลาในการใช้งาน ต่างจากมิเตอร์ไฟฟ้าแบบปกติที่จะคิดค่าไฟตามหน่วยการใช้งาน โดยการคิดอัตราค่าไฟฟ้าของการใช้มิเตอร์ไฟฟ้า TOU จะแบ่งออกเป็น 2 ช่วงเวลา คือ On-Peak และ Off-Peak ซึ่งทั้งสองเวลาจะมีการคิดค่าบริการที่ต่างกันตามการกำหนดอัตราค่าไฟของ MEA และ PEA

การคิดอัตราค่าไฟฟ้า ของมิเตอร์ TOU

สำหรับอัตราค่าไฟฟ้าของมิเตอร์ TOU นั้น จะแบ่งออกเป็น 2 ช่วงราคา คือ ช่วงเวลา On-Peak และ Off-Peak ซึ่งเวลาในการคิดค่าไฟ จะมีราคาต่อหน่วยที่ต่างกัน ดังนี้

อัตราค่าไฟฟ้ามิเตอร์ TOU ปี 2567
  • ช่วงเวลา On-Peak หรือ Peak จะมีค่าไฟฟ้าอยู่ที่ 5.1135 (แรงดัน 22 – 33 kV) และราคา 5.7982 บาท/kWh (แรงดันต่ำกว่า 22 kV)
  • เวลา Off-Peak มีราคาค่าไฟอยู่ที่ 2.6037 (แรงดัน 22 – 33 kV) และราคา 2.6369 บาท/kWh (แรงดันต่ำกว่า 22 kV)

โดยราคาค่าไฟต่อหน่วย หรือต่อ kWh นั้น จะเป็นราคาที่ยังไม่รวมกับค่า FT และค่าบริการรายเดือน ทั้งนี้ จากกระแสข่าวการปรับขึ้นอัตราค่าไฟฟ้า เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา ก็อาจจะส่งผลให้ค่าไฟต่อหน่วยเพิ่มขึ้น รวมถึงค่าไฟฟ้าผันแปร หรือค่า FT ได้เช่นกัน (ตั้งแต่งวดวันที่ ก.ย. – ธ.ค.) ซึ่งปัจจุบันอัตราค่าไฟฟ้าสำหรับการใช้มิเตอร์ TOU สำหรับบ้านและกิจการขนาดเล็กจะมีราคาที่เท่ากัน แต่หากเป็นกิจการขนาดกลางไปจนถึงกิจการขนาดใหญ่จะมีราคาค่าไฟฟ้าที่ถูกลงมา

การประหยัดค่าไฟสำหรับคนใช้รถ EV ด้วยมิเตอร์ TOU

มิเตอร์ไฟฟ้า TOU เหมาะกับใครบ้าง เปลี่ยนแล้วคุ้มไหม?

จะเห็นได้เลยว่า จากการคิดอัตราค่าไฟฟ้าของการใช้มิเตอร์ TOU ที่จะยึดตามเวลา On-Peak และ Off-Peak นั้น ส่งผลให้ค่าไฟเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด แต่การจะเปลี่ยนมาใช้มิเตอร์ไฟฟ้าชนิดนี้ จะเหมาะกับคนบางกลุ่มเท่านั้น นั่นก็คือ กลุ่มคนที่ต้องเดินทางออกไปทำงานในเวลากลางวัน แล้วกลับมาใช้ชีวิตในบ้านตอนกลางคืนเป็นหลัก เช่น หากใช้รถยนต์ไฟฟ้า EV ก็สามารถชาร์จไฟในเวลากลางคืน เพื่อนำรถไปใช้ในเวลากลางวัน เป็นต้น

แต่หากใครที่ทำงานอยู่ที่บ้าน เช่น Work From Home ทำธุรกิจที่บ้าน หรือมีสมาชิกในบ้านอาศัยอยู่ในเวลากลางวันหลายคนก็อาจจะไม่ตอบโจทย์เท่าไหร่นัก เพราะสุดท้ายแล้วในช่วงเวลากลางวันก็ยังคงมีอัตราการใช้ไฟฟ้าไม่ต่างจากเวลากลางคืนอยู่ดี เพราะฉะนั้น ก่อนจะเปลี่ยนมาใช้มิเตอร์ TOU ก็ควรสำรวจก่อนว่าพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้าของสมาชิกในบ้านเป็นอย่างไร ส่วนมากแล้วจะใช้ไฟในเวลาไหนมากที่สุด เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าและสามารถประหยัดค่าไฟได้จริง

เปลี่ยนมิเตอร์ไฟฟ้า เป็นมิเตอร์ TOU ต้องทำยังไง?

การติดตั้งมิเตอร์ TOU ที่บ้านนั้น สามารถทำได้ 2 ช่องทาง คือ ยื่นเรื่องผ่านทางออนไลน์ได้ด้วยตัวเอง หากอยู่ในเขตการไฟฟ้านครหลวงสามารถยื่นเรื่องได้ที่เว็บไซต์ https://eservice.mea.or.th/ หรือที่เบอร์โทรศัพท์ 1130 แต่หากอยู่ในเขตความรับผิดชอบของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จะต้องยื่นเรื่องผ่านทางเว็บไซต์ https://eservice.pea.or.th/ หรือติดต่อคอลเซ็นเตอร์ที่เบอร์โทรศัพท์ 1129 และอีกช่องทางหนึ่งก็คือ ดำเนินการขอใช้มิเตอร์ไฟฟ้า TOU ที่การไฟฟ้าใกล้บ้าน

เอกสารที่ต้องใช้สำหรับการขอเปลี่ยนมิเตอร์ไฟฟ้า

  • สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน
  • สำเนาเอกสารการเปลี่ยนชื่อ (ถ้ามี)
  • สำเนาทะเบียนบ้านที่ขอติดตั้งมิเตอร์ไฟฟ้า TOU
  • หากไม่ใช่เจ้าบ้านต้องมีเอกสารที่เกี่ยวข้อง เช่น สัญญาซื้อขาย หรือใบมอบอำนาจ
  • บิลค่าไฟฟ้า
  • ใบคำขอใช้ไฟฟ้า (ดาวน์โหลดได้ที่เว็บไซต์ของ PEA หรือ MEA)

ราคาและค่าติดตั้ง สำหรับมิเตอร์ไฟฟ้า TOU

สำหรับค่าบริการการติดตั้งเปลี่ยนมาใช้มิเตอร์ไฟฟ้า TOU จะมีราคาค่าเปลี่ยนมิเตอร์อยู่ที่ 700 บาท และค่ามิเตอร์ 6,000 บาท โดยอัตราค่าธรรมเนียมในการขอใช้ไฟฟ้าและค่าบริการต่าง ๆ จะขึ้นอยู่กับขนาดของมิเตอร์ด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะบ้านที่ใช้ไฟฟ้า 1 เฟส และ 3 เฟส ที่อาจจะมีราคาที่ต่างกันอยู่บ้าง เพราะฉะนั้น ผู้ที่ต้องการเปลี่ยนมาใช้มิเตอร์ไฟฟ้า TOU สามารถสอบถามอัตราค่าบริการได้ที่การไฟฟ้าในพื้นที่ เพื่อประกอบการตัดสินใจว่าควรจะหันมาใช้มิเตอร์ TOU ดีหรือไม่

ติดตั้ง Home EV Charger เลือก PlugHaus Thailand

ติดตั้ง Home EV Charger ที่มีมาตรฐาน เลือก PlugHaus

นอกเหนือจากการเปลี่ยนมาใช้มิเตอร์ TOU ที่จะช่วยให้ผู้ใช้รถ EV ประหยัดไฟได้มากขึ้นแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือ การเลือกใช้ Home Charger ที่มีมาตรฐาน และเป็นมิตรกับรถยนต์ไฟฟ้า โดยทาง PlugHaus Thailand นั้น ก็เป็นอีกหนึ่งผู้ให้บริการติดตั้งเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่บ้าน ที่มีมาตรฐานและผ่านการรับรองทั้งจาก PEA และ MEA โดยทีมงานที่มากประสบการณ์ โดยเฉพาะวิศวกรไฟฟ้าที่ได้ใบรับรอง ที่สามารถให้ข้อมูลพร้อมตรวจสอบความพร้อมของระบบไฟฟ้าได้อย่างตรงจุด ที่สำคัญคือ เรามีเครื่องชาร์จให้เลือกหลายรุ่นในงบที่คุณเลือกได้ และเป็นมิตรต่อสุขภาพแบตเตอรี่ในระยะยาว

รีวิว 10 อันดับ เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ที่บ้านที่น่าใช้ ฉบับปี 2024

ผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า หรือ รถยนต์ EV หลาย ๆ คน ต่างก็รู้ดีว่าการเลือก เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (EV Charger) นั้น มีความสำคัญเป็นอย่างมากในการใช้งานรถแต่ละวัน เพราะการใช้เครื่องชาร์จรถ EV แต่ละแบบ ก็จะมีจุดเด่นที่ต่างกันออกไป โดยเฉพาะกำลังไฟที่ต้องมีความเหมาะสมต่อรถที่ใช้ ซึ่งทาง Plug Haus Thailand ก็ไม่พลาด ที่จะมารีวิวพร้อมแนะนำ 10 อันดับ เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่บ้าน ให้กับผู้ใช้งานกัน ว่ามีรุ่นไหนน่าใช้บ้าง แล้วแต่ละรุ่นมีราคาเท่าไหร่ อัปเดตล่าสุดปี 2024!

10 เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่บ้าน ที่น่าใช้ อัปเดตล่าสุด!

สำหรับ 10 เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่บ้าน ที่ได้รับความนิยมในการติดตั้งจะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ คือ การชาร์จแบบธรรมดาที่ต่อจากเต้ารับภายในบ้านโดยตรง ซึ่งการชาร์จในรูปแบบนี้รองรับกระแสไฟฟ้าขั้นต่ำคือ 15(45)A ใช้เวลาชาร์จค่อนข้างนาน เฉลี่ย 12 – 15 ชั่วโมง และอีกแบบคือ Double Speed Charge หรือเครื่องชาร์จแบบ Wall Box ซึ่งเป็นการชาร์จด้วยกระแสไฟฟ้ากระแสสลับ (AC Charging) รองรับไฟฟ้าขั้นต่ำที่ 30(100)A ใช้เวลาชาร์จประมาณ 4 – 7 ชั่วโมง มีหัวชาร์จ Type 1 และ 2

Home EV Charger Wallbox Pulsar Max

1. เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า Wallbox รุ่น Pulsar Max

เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า Wallbox รุ่น Pulsar Max นับว่าเป็นรุ่นที่มีขนาดกะทัดรัดที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะผู้ที่เลือกติดตั้งเครื่องชาร์จกับทาง PlugHaus เพราะนอกจากจะเป็นรุ่นที่มีการดีไซน์ที่เรียบง่าย ดูมินิมอล เข้ากับบ้านสมัยใหม่แล้ว ยังเป็นเครื่องชาร์จที่ใช้ได้กับรถยนต์ EV ทุกรุ่น ที่รองรับหัวชาร์จ Type 2 มีมาตรฐานการป้องกันฝน แดด และฝุ่นละออง IP55

  • มีขนาด 7.4 – 22 kW
  • รองรับทั้งการใช้ไฟ 1 เฟส และ 3 เฟส
  • สายชาร์จยาว 5 และ 7 เมตร
  • มีระบบการควบคุมแรงดันไฟฟ้า
  • ตัดไฟอัตโนมัติเมื่อชาร์จเต็มแล้ว
  • ใช้งานได้ทั้งแบบ Indoor และ Outdoor
  • กันกระแทกได้ระดับ IK10
  • ควบคุมการใช้งานได้ผ่านทาง Application Wallbox

2. ABB Terra AC Wallbox

อีกหนึ่งเครื่องชาร์จรถยนต์ EV นั้น เป็นการชาร์จด้วย AC Charging หรือไฟฟ้ากระแสสลับ ซึ่งเหมาะกับการติดตั้งเพื่อใช้ภายในครัวเรือนเป็นหลัก จุดเด่นของรุ่นนี้ก็คือ การควบคุมการใช้งานผ่านทางแอป ChargerSync App ทำให้กำหนดหรือตั้งเวลาการชาร์จได้ตามที่ต้องการ รวมถึงการปรับเพิ่มและลดกระแสไฟฟ้าที่ต้องการใช้ ที่สำคัญคือ สามารถเช็กค่าไฟได้ง่าย ๆ ผ่านทางแอปฯ โดยตรง

  • มี 2 ขนาด คือ 7.4 kW และ 22 kW
  • ใช้ไฟฟ้า 1 เฟส และ 3 เฟส
  • รองรับหัวชาร์จ Type 1 และ Type 2
  • กันน้ำในระดับ IP54
  • มีการ์ด ABB สำหรับแตะชาร์จที่ตู้ได้
  • ความยาวสายชาร์จ 5 เมตร
  • ชาร์จไฟเต็ม 100% ได้ภายในเวลา 2 ชั่วโมง (ขึ้นอยู่กับรุ่นรถ)
  • รองรับเชื่อมต่อ Bluetooth, Wi-Fi และ 4G
เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า Wallbox Pulsar Plus

3. Wallbox รุ่น Pulsar Plus

โดยเครื่องชาร์จจากทาง Wallbox รุ่น Pulsar Plus เป็นรุ่นที่มีกำลังไฟอยู่ที่ 7.4 kW รองรับการใช้งานผ่านทาง Application เหมือนกันกับรุ่น Pulsar Max ต่างกันที่มีกำลังไฟให้เลือกเพียงขนาดเดียว และมีมาตรฐานการป้องกันฝน แดด และฝุ่นละออง IP54 โดยที่หัวชาร์จก็ยังคงรองรับได้ทั้ง Type 1 และ Type 2

  • กระแสไฟตั้งแต่ 6 A ถึง Rated Current
  • สายชาร์จยาว 5 เมตร
  • น้ำหนักของเครื่องชาร์จคือ 1.9 กิโลกรัม (ไม่รวมสาย)
  • รองรับการเชื่อมต่อทั้ง Wi-Fi และ Bluetooth
  • มี RGB LED เพื่อบอกสถานะในการใช้งาน
  • ใช้ระบบไฟฟ้า 1 เฟส

4. Autel รุ่น MaxiCharger AC Wallbox

เครื่องชาร์จรถไฟฟ้า แบรนด์ Autel รุ่น MaxiCharger AC Wallbox นับว่าเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่ผู้ใช้งานหลาย ๆ คนเลือกใช้ และมีการวางจำหน่ายกว่า 70 ประเทศทั่วโลก มีมาตรฐาน CE พร้อมกับรางวัลการันตีคุณภาพกว่า 100 รางวัล หนึ่งในนั้นคือ REDDOT และ iF Design Award 2022 เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งเครื่องชาร์จรถยนต์ EV ที่ถูกพูดถึงอีกหนึ่งรุ่นในตอนนี้ โดยเฉพาะการนำ AI ให้เข้ามาใช้ดูแลเรื่องอายุแบตเตอรี่ของรถยนต์

  • มีระบบ AUTEL Charge Cloud สามารถตรวจสอบ และแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ได้
  • รองรับการเชื่อมต่อที่หลากหลาย ทั้ง Wi-Fi, Bluetooth, Internet และ 4G
  • มีแอปพลิเคชันชาร์จรถไฟฟ้า AUTEL Charge ที่รองรับทั้ง iOS และ Android
  • สามารถใช้งานได้ทั้งการใช้ RFID Card และ QR Code เพิ่มความสะดวกสบายมากขึ้น
  • ควบคุมการชาร์จได้แบบ Real Time เช่น การตั้งเวลาการชาร์จล่วงหน้า
  • สามารถเก็บสถิติการชาร์จและการคำนวณค่าไฟได้
  • มีการแจ้งเตือนเมื่อการชาร์จเสร็จสิ้น
  • มาตรฐานกันน้ำและฝุ่น IP66
  • สายชาร์จมีความยาว 5 เมตร และใช้หัวชาร์จ Type 2
  • จ่ายไฟได้สูงสุด 32A ด้วยกำลังไฟ 22 kW
  • มีระบบการชาร์จที่ปลอดภัยด้วย Triple Protection Technology

5. Delta AC Max

สำหรับเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่บ้าน Delta รุ่น AC Max เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่มาแรงและถูกใจคนใช้รถ EV หลาย ๆ คน โดยเฉพาะขนาดของเครื่องที่มีความกะทัดรัด แต่สามารถให้กำลังไฟที่สูงถึง 22 kW รองรับหัวชาร์จประเภทต่าง ๆ ได้อย่างหลากหลาย ซึ่งจุดเด่นของรุ่นนี้ก็คือ เป็นรุ่นที่เหมาะสำหรับการติดตั้งภายนอกอาคาร รวมถึงบ้านที่มีพื้นที่จำกัดมาก ๆ เพราะมีมาตรฐานกันน้ำฝุ่น IP55 / IK08 ที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจต่อผู้ใช้งานได้ดี

  • มีขนาดกำลังไฟสูงสุด 22 kW ที่กระแสไฟฟ้า 32A
  • สามารถใช้งานได้ทั้งระบบไฟฟ้า 1 เฟส และ 3 เฟส
  • ได้รับมาตรฐาน ISO 15118
  • มีมาตรฐาน Open Charge Point Protocol (OCPP)
  • มี 2 รุ่นย่อยให้เลือก คือ Basic และ Smart
  • สายไฟยาว 5 เมตร
  • ใช้หัวชาร์จแบบ Type 2
  • รองรับการเชื่อมต่อทั้ง Ethernet, Bluetooth, WLAN หรือ Cellular
เครื่องชาร์จรถไฟฟ้า Wallbox Pulsar Pro

6. Wallbox รุ่น Pulsar Pro

อีกหนึ่งรุ่นยอดฮิตของ Home Charger ของค่าย Wallbox ก็คือรุ่น Pulsar Pro ที่มาพร้อมกับดีไซน์ที่มินิมอล ไซซ์กะทัดรัด มีให้เลือก 2 ขนาด คือ 7.4 kW และ 22 kW สามารถใช้ไฟได้ทั้งแบบ 1 เฟส และ 3 เฟส รองรับการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าทุกยี่ห้อที่รองรับหัวชาร์จ Type 2 ส่วนตัวเครื่องจะมีระบบการควบคุมแรงดันไฟฟ้าในตัว พร้อมตัดไฟให้อัตโนมัติเมื่อชาร์จเสร็จ หรือว่ามีเหตุขัดข้องเกิดขึ้น ไม่ต้องกังวลในกรณีที่ชาร์จไฟทิ้งไว้

  • หัวชาร์จ 1 Plug / Type 2
  • สายชาร์จยาว 5 เมตร และ 7 เมตร
  • มีระบบ RFID/NFC สำหรับการใช้งานผ่านบัตร
  • ควบคุมการใช้งานได้ผ่านทางแอปพลิเคชัน myWallbox
  • รองรับ 4G Sim Included
  • ป้องกันฝน แดด และฝุ่นละออง ระดับ IP55
  • กันกระแทกได้ในระดับ IK10
  • มาพร้อมกับอุปกรณ์กันไฟดูด RCD Type A / Plastic CB Box

7. Delta MINI Plus

สำหรับเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า EV Charger ที่บ้าน Delta รุ่น AC Mini Plus เป็นรุ่นที่ตอบโจทย์รถยนต์ EV ไซซ์มินิ ด้วยกำลังไฟฟ้า 7.4 kW รองรับหัวชาร์จทั้งแบบ Type 1 และ Type 2 ซึ่งเป็นเครื่องชาร์จที่ถูกออกแบบมาให้เหมาะต่อการใช้งานในทุก ๆ สภาพแวดล้อม ทั้งในที่ร่มและที่กลางแจ้ง จึงทำให้เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่ได้รับความนิยมในการติดตั้งเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่บ้าน รวมถึงการทำ Home Office

  • มีระบบกันไฟรั่ว IP55 และ IK08
  • ใช้ได้กับรถยนต์ปลั๊กอิน และรุ่น IEC T2
  • สามารถปรับกระแสไฟฟ้าได้ตามพื้นที่ที่ติดตั้งเครื่องชาร์จรถ EV
  • รองรับการเชื่อมต่อ 2 แบบ คือ Wi-Fi และ 3G.
  • มีเทคโนโลยี RFID สำหรับการสื่อสารแบบไร้สาย

8. EVLINK WallBox SCHNEIDER

เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่บ้าน EVLINK WallBox SCHNEIDER รุ่นยอดฮิตส่งตรงจากฝรั่งเศส โดยเป็นรุ่นที่เหมาะสำหรับบ้านที่ใช้ระบบไฟฟ้า 1 เฟส เพราะเป็นขนาดที่พอเหมาะกับการชาร์จไฟรถยนต์ EV ทั่ว ๆ ไป ซึ่งตัวเครื่องมีกำลังไฟฟ้า 7.4 kW ใช้หัวชาร์จ Type 2 จุดเด่นของรุ่นนี้จะเน้นไปที่การใช้งานแบบง่าย ๆ ระบบไม่ซับซ้อน ตอบโจทย์บ้านที่กำลังหาเครื่องชาร์จดีดีในราคาย่อมเยา และเพียงพอต่อการชาร์จในเวลา Off-Peak

  • เหมาะสำหรับรถ BEV และ PHEV ทุกรุ่น
  • มีระบบล็อกด้วยกุญแจ ช่วยป้องกันการถูกโจรกรรมได้
  • สามารถติดตั้งได้ทั้งภายในและภายนอก ด้วยมาตรฐาน IP54
  • น้ำหนักตัวเครื่อง 5 กิโลกรัม
  • ความยาวสาย 5 เมตร
  • ตัวเครื่องรับประกัน 2 ปี โดย Schneider Thailand

9. Siemens VersiCharge Gen 3

หากใครที่กำลังมองหาเครื่องชาร์จรถไฟฟ้าที่มีมาตรฐานจากแบรนด์ชั้นนำ Seimens ก็นับว่ารุ่น VersiCharge Gen 3 มีความน่าสนใจ เพราะรองรับการติดตั้งทั้งแบบ Wall และ Pole ขึ้นอยู่กับความชอบหรือความต้องการของผู้ใช้งาน สามารถรองรับการชาร์จไฟกับรถ EV ทุกรุ่นทุกแบรนด์ เพราะใช้หัวชาร์จ Type 2 ส่วนวัสดุของตัวเครื่องใช้ Polycarbonate ที่มีคุณสมบัติเด่นคือ ไม่ลามไฟ

  • มี 2 ขนาด คือ 7.4 kW และขนาด 22 kW
  • สายชาร์จยาว 7 เมตร
  • มาพร้อมกับฟังก์ชัน RFID Authentication ช่วยระบุผู้ใช้งานได้
  • รองรับการใช้งานผ่านทางแอปพลิเคชัน VersiCharge
  • ควบคุมการทำงานได้ เช่น การตั้งเวลา หรือการติดตามสถานะต่าง ๆ
  • มีมาตรฐานการกันน้ำและฝุ่นที่ระดับ IP56
  • น้ำหนักเครื่องอยู่ที่ 6.96 กิโลกรัม

10. BESEN EV Charger

ปิดท้ายกันดัวยเครื่องชาร์จรถไฟฟ้าติดผนังอย่าง BESEN EV Charger ที่มีกำลังไฟให้เลือก 2 ขนาด คือ 7.4 kW และ 22 kW ใช้งานได้ทั้งไฟฟ้า 1 เฟส และ 3 เฟส ซึ่งตัวเครื่องจะมีจุดเด่นหลัก ๆ คือ หน้าจอการแสดงผลการทำงานหรือการชาร์จไฟแบบ LCD Display นอกจากนี้ ยังมีระบบป้องกันไฟรั่วภายในเครื่องด้วย เพื่อความปลอดภัยในการใช้งานทั้งภายนอกและภายในอาคาร

  • มีมาตรฐานการกันฝน แดด และฝุ่นละออง IP66
  • มี DRD สำหรับการล็อกด้านข้าง เพื่อป้องกันการโจรกรรม
  • ความยาวสายมี 3 ขนาด คือ 5 เมตร, 7 เมตร และ 10 เมตร
  • มีน้ำหนัก 5 กิโลกรัม
  • สถานะดูง่าย เช่น พลังงาน ค่าใช้จ่าย และปัญหาหรือความผิดพลาด
  • มีระบบควบคุมแรงดันไฟฟ้าภายในตัว
  • เมื่อชาร์จเต็มแล้วจะตัดไฟให้อัตโนมัติ รวมถึงเมื่อมีเหตุขัดข้องเกิดขึ้น
ติดตั้งเครื่องชาร์จรถไฟฟ้าที่บ้าน เลือก PlugHaus

ติดตั้งเครื่องชาร์จรถไฟฟ้า Home Charger เลือก PlugHaus

อย่างไรก็ตาม หากผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า EV ท่านใด ที่ต้องการติดตั้ง เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ที่บ้าน หรือ Home EV Charger ที่มีมาตรฐานการติดตั้งแบบครบวงจร ทั้งจาก PEA และ MEA พร้อมการรับประกันหลังการขาย สามารถเลือกติดตั้งกับทาง PlugHaus Thailand ได้แล้ววันนี้ ซึ่งในปัจจุบันเรามีจำหน่ายทั้งหมด 3 รุ่นจากทาง Wallbox ไม่ว่าจะเป็น Pulsar Max, Pulsar Plus และ Pulsar Pro ซึ่งแต่ละรุ่นก็จะมีราคาที่แตกต่างกันออกไป เพราะฉะนั้น ผู้ใช้รถอีวีสามารถเลือก Home Charger ราคาที่ถูกใจและสเปกที่เหมาะสมกับรถได้เลย

รวมไอเดียแมตซ์บ้านกับเครื่องชาร์จ Wallbox

การติดตั้งเครื่องชาร์จ Wallbox ไม่ได้เป็นเพียงแค่การเพิ่มความสะดวกสบายให้กับการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าเท่านั้น แต่ยังเป็นการเพิ่มความสวยงามและสไตล์ให้กับบ้านของคุณอีกด้วย มาดูกันว่าเราจะสามารถแมตช์ กับบ้านสไตล์ต่างๆ ได้อย่างไรบ้าง

บ้านสไตล์มินิมอลกับ Wallbox PULSAR MAX

ไอเดีย Wallbox สำหรับบ้านสไตล์มินิมอล

บ้านสไตล์มินิมอลเป็นบ้านที่เน้นความเรียบง่ายและความสงบ การเลือกเครื่องชาร์จที่มีดีไซน์เรียบง่าย สีขาวหรือสีดำ จะเข้ากันได้ดีกับบ้านสไตล์นี้

  • สีและวัสดุ: เลือก เครื่องชาร์จWallbox ที่มีสีขาวหรือสีดำ เพื่อให้เข้ากับการตกแต่งภายในที่เน้นความเรียบง่ายและสะอาดตา
  • การติดตั้ง: ติดตั้งเครื่องชาร์จในที่ที่ไม่เกะกะสายตา เช่น ผนังด้านข้างของบ้านหรือในโรงจอดรถ
บ้านสไตล์ลักซ์ชัวรี่กับ Wallbox PULSAR MAX

วิธีเลือก Wallbox ให้เข้ากับบ้านสไตล์ลักซ์ชัวรี่

บ้านสไตล์ลักซ์ชัวรี่เน้นการตกแต่งที่หรูหราและมีระดับ ด้วยเครื่องชาร์จ Wallbox ที่ตอบโจทย์ทั้งดีไซน์และฟีเจอร์ที่ล้ำสมัยจะเข้ากันได้ดี

  • สีและวัสดุ: เลือก EV Charger ที่มีวัสดุคุณภาพสูง เช่น อะลูมิเนียม หรือสแตนเลส ที่มีผิวมันเงา
  • การติดตั้ง: ติดตั้งเครื่องชาร์จในที่ที่สามารถเป็นจุดเด่นได้ เช่น บริเวณทางเข้าหรือโรงจอดรถที่มีการตกแต่งอย่างหรูหรา
บ้านสไตล์ลอฟท์กับ Wallbox PULSAR MAX

ไอเดียเครื่องชาร์จกับบ้านสไตล์ลอฟท์

บ้านสไตล์ลอฟท์มีความดิบและเท่ห์ ที่มีดีไซน์ทันสมัยและดุดันจะเสริมให้บ้านสไตล์นี้ดูโดดเด่นขึ้น

  • สีและวัสดุ: เลือก ที่มีสีเทาเข้ม หรือดำ พร้อมด้วยวัสดุที่แข็งแรงทนทาน เช่น เหล็ก หรือโลหะ
  • การติดตั้ง: ติดตั้งเครื่องชาร์จในที่ที่มีความดิบและเปิดเผย เช่น บริเวณกำแพงอิฐหรือกำแพงปูนเปลือย

วิธีเลือก Home Charger ให้เข้ากับบ้านสไตล์มูจิ

บ้านสไตล์มูจิเน้นความเรียบง่ายแบบธรรมชาติ การเลือก EV Charger ที่มีดีไซน์เรียบง่ายและเข้ากับวัสดุธรรมชาติจะเหมาะสม

  • สีและวัสดุ: เลือก EV Charger ที่มีสีอ่อน เช่น ขาว ครีม หรือสีไม้ ที่ทำจากวัสดุธรรมชาติหรือเลียนแบบธรรมชาติ
  • การติดตั้ง: ติดตั้งเครื่องชาร์จในที่ที่เข้ากับธรรมชาติ เช่น บริเวณระเบียงหรือกำแพงที่มีการตกแต่งด้วยต้นไม้
ซื้อเครื่องชาร์จ หร้อมติดตั้งกับ PlugHaus

เราให้บริการขาย Home Charger พร้อมติดตั้ง

ใครที่มีรถยนต์ไฟฟ้า (EV) แต่ยังไม่มี Home Charger หรือต้องการเปลี่ยนเครื่องชาร์จใหม่ แต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง สามารถติดต่อเราเพื่อขอคำปรึกษาได้ ฟรี! ไม่เสียค่าใช้จ่าย !

ช่องทางการติดต่อ

  • Facebook Page: PlugHaus Thailand
  • Line: @plughaus_th
  • เบอร์โทร: 065-5248-399

การเลือก Home Charger ที่เหมาะสมกับสไตล์บ้านของคุณจะช่วยเสริมสร้างบรรยากาศที่ลงตัวและเพิ่มความสะดวกสบายในการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า อย่าลืมเลือก ที่มีคุณสมบัติครบถ้วนและติดตั้งอย่างถูกต้องเพื่อประสบการณ์ที่ดีที่สุด

จุดที่ต้องเช็ก ก่อนติดตั้งเครื่องชาร์จรถไฟฟ้าภายในบ้าน

ใครที่กำลังวางแผนจะติดตั้งเครื่องชาร์จ จะต้องเช็กจุดที่สำคัญเหล่านี้ก่อนเริ่ม Lorem ipsum dolor sit amet, consectetur adipiscing elit. Vivamus vitae massa mattis, cursus lorem nec, commodo nulla. Nam vitae dolor eget odio vestibulum viverra. Pellentesque libero diam

3 ข้อ ที่คุณรู้แล้วคุณจะซื้อ Wall Box PULSAR PLUS

ส่องความน่าสนใจ ของ Wall Box PULSAR PLUS ก่อนคุณตัดสินใจซื้อ Lorem ipsum dolor sit amet, consectetur adipiscing elit. Vivamus vitae massa mattis, cursus lorem nec, commodo nulla. Nam vitae dolor eget odio vestibulum viverra. Pellentesque libero diam

Lorem ipsum dolor sit amet, consectetur adipiscing elit. Vivamus vitae massa mattis, cursus lorem nec, commodo nulla. Nam vitae dolor eget odio vestibulum viverra. Pellentesque libero diam

Lorem ipsum dolor sit amet, consectetur adipiscing elit. Vivamus vitae massa mattis, cursus lorem nec, commodo nulla. Nam vitae dolor eget odio vestibulum viverra. Pellentesque libero diam Lorem ipsum dolor sit amet, consectetur adipiscing elit. Vivamus vitae massa mattis, cursus lorem nec, commodo nulla. Nam vitae dolor eget odio vestibulum viverra. Pellentesque libero diam